ได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิด
อ.นิภัทร ในรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ที่เรียกว่า อุปาทาน ยึดมั่น ถือมั่น เมื่อไรจะแกะออก จะคลายได้ ก็ไม่มีทางอื่น ต้องฟังให้เข้าใจ โกรธเกิดขึ้นก็ดี โลภเกิดขึ้นก็ดี หลงเกิดขึ้นก็ดี เราไปอย่านึกว่าเรา หรือนึกว่าเราโกรธ อย่าไปนึกว่าเราโลภ พอใจ อย่าไปนึกว่าเราหลง นึกว่าธรรมเขาเกิดขึ้นทำหน้าที่ของเขาทั้งนั้น โลภก็ดี โกรธก็ดี หลงก็ดี เขาได้เหตุได้ปัจจัย เขาก็เกิด ห้ามไม่ให้เกิด ก็ไม่ได้ อย่างที่ท่านอาจารย์ถามผมว่า เสียใจ ห้ามได้ไหม มันห้ามไม่ได้ เพราะเขาได้เหตุได้ปัจจัย เขาก็เกิด แต่เราหลงไปเอง เราไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นแล้ว เราไปคิดว่าเป็นเรา เราโกรธ เราเสียใจ ถ้าเรารู้อย่างนี้บ่อยๆ ไม่ใช่รู้ทีเดียว รู้บ่อยๆ พอรู้ เขาก็จะหยุด แต่ก็จะเกิดอีก รู้เนืองๆ บ่อยๆ อนุปัสสี กายานุปัสสี เวทนานุปัสสี จิตตานุปัสสี ธัมมานุปัสสี อนุปัสสี พิจารณาเห็นเนืองๆ บ่อยๆ ในกาย คือ รูปขันธ์ ในเวทนา คือ เวทนาขันธ์ ในสัญญา คือ สัญญาขันธ์ ในจิต คือ วิญญาณขันธ์ ในธรรม ก็รวมทั้งหมด เนืองๆ บ่อยๆ ทุกครั้งที่เราสามารถระลึกได้ ที่ว่า “สามารถ” คือ เราฟังแล้วเราเข้าใจ เราเข้าใจว่า มีธรรม ไม่ได้อยู่ในหนังสือ อยู่ในตำรา แต่มีอยู่ที่ตัวเรา ต้องค่อยๆ สังเกต ค่อยจับทีละนิดทีละหน่อย ด้ามมีดนั้นจับเสียบ้าง อีกกี่ชาติจะลึก ก็ยังไม่รู้เลย จับชาตินี้ไม่สึกหรอกด้ามมีด เพราะฉะนั้นเรายังไม่จับเลย แต่จะให้สึก จะให้บรรลุ จะเป็นไปได้ไม่ได้ ก็ต้องค่อยๆ อย่างนี้
ที่มา ...