รูปาวจรจิต-1
ได้ยินชื่อต่างๆ ของจิต ก็ควรจะได้เข้าใจโดยนัยต่างๆ ด้วย อย่างเช่นได้ยินคำว่า กุศล อกุศล ก็หมายความว่า กล่าวถึงโดยชาติ คือ การเกิดของจิต ชาติของจิตที่เกิดขึ้น จะต้องเป็น ๑ ใน ๔ คือ เป็นกุศลประเภทหนึ่ง หรือว่าเป็นอกุศลประเภทหนึ่ง ซึ่งเป็นเหตุ และจิตที่เป็นวิบาก คือ เป็นผลของกุศล และอกุศลอีกประเภทหนึ่ง และจิตที่เป็นกิริยา ส่วนใหญ่แล้วเป็นของพระอรหันต์ แต่หมายถึงส่วนใหญ่ สำหรับผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์ก็มีเพียงแค่ ๒ ประเภท คือ จิตที่เกิดก่อนจิตเห็น จิตได้ยิน เป็นปัญจทวาราวัชชนจิต หรือก่อนที่จะมีการรู้เรื่องทางใจ ก็มีมโนทวาราวัชชนจิต
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เคยกล่าวถึงแล้ว ก็เป็นการทบทวน แต่ให้เข้าใจว่า พอได้ยินเรื่องของกุศล คิดถึงชาติ พอพูดถึงอกุศล ก็เป็นชาติหนึ่ง คือเกิดมาเป็นอย่างนั้น เป็นเหตุหรือเป็นผล แต่ถ้าพูดถึงรูปาวจรจิต ก็ต้องหมายความถึง ปกติธรรมดาของจิตก็จะต่างกัน คือ ถ้าจะกล่าวถึงกามาวจระ กาม หมายถึง รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ สิ่งที่กระทบ ตา หู จมูก ลิ้น กาย มีความติดข้องวนเวียนอยู่ในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ไม่พ้นไปจากกุศลบ้าง อกุศลบ้าง ที่เป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จิตระดับนั้นก็เป็นกามาวจรจิต คือ กามอารมณ์ที่เป็นรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ และวันหนึ่งๆ ก็ไม่พ้นไปจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะเลย
เพราะฉะนั้นก็เป็นจิตระดับกามาวจรจิต ไม่มีจิตที่ต่ำว่าระดับนี้เลย เพราะฉะนั้นเกิดมาก็รู้ได้ว่า การที่จิตจะสูงกว่ากามาวจรจิต ต้องเป็นประเภทกุศลที่สงบจากความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จนกระทั่งจิตที่เป็นกุศลนั้นเกิดมากแนบแน่นในอารมณ์นั้น เป็นระยะเวลาที่ยาวนาน และมั่นคง ก็เป็นฌานจิตระดับของรูปาวจรจิต เพราะเหตุว่ามีความสงบในระดับขั้นที่ยังมีรูปเป็นอารมณ์ แต่ไม่ใช่รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ
เพราะฉะนั้นนี่ก็เป็นการแสดงสภาพของจิตที่มีจริง แล้วแต่ว่าในยุคไหน สมัยไหน เป็นบุคคลใด และสามารถจะบรรลุถึงจิตระดับใด เพราะว่าเพียงขั้นของจิตที่ไม่สงบ ก็ยังติดแล้วใช่ไหมคะ โลภะก็ติด ต้องการรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ต้องการอะไรในชีวิตของปุถุชน หรือว่าคนธรรมดาๆ ที่ยังไม่พ้นจากความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ วันหนึ่งๆ หา ก็คือความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ จึงเป็นกามาวจรจิต เห็นโทษหรือยังคะ เห็นหรือเปล่า หรือว่าอย่างไรๆ ก็ยังติด จะบอกว่า เกิดดับ ไม่กลับมาอีก จะบอกว่า เพียงแค่เห็น เพียงแค่กระทบ ก็ยังพอใจรสอร่อย รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม ไม่สามารถจะมีความสงบจากความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะได้
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะถึงจิตระดับที่สูงกว่านี้ ต้องเป็นเพราะมีปัญญาที่เห็นโทษของความติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ยุคนี้สมัยนี้อาจจะมีคนที่เข้าใจผิด คิดว่าตัวเองได้บรรลุถึงฌานจิต ซึ่งเป็นกุศลจิตที่ไม่ติดข้องในรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เห็นโทษ จึงอบรมเจริญกุศลจิต ขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นไม่ใช่อกุศลจิต และกุศลจิตที่ยังเป็นไปในทาน ศีล ก็ยังเป็นไปกับรูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เพราะฉะนั้นก็ยังเป็นระดับของกามาวจรจิต ต่อเมื่อใดที่เป็นผู้มีปัญญาระดับขั้นที่เห็นโทษจริงๆ ระดับไหน ระดับที่รู้ว่า เพียงเห็น อกุศลจิตเกิดแล้ว แล้วจะรู้อย่างนี้ไหมคะ
ที่มา ...