เป็นหนทางละตลอดตั้งแต่ต้น


    ผู้ฟัง ชีวิตก็เท่านี้ครับ มีแต่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ได้ลิ้มรส ได้กระทบสัมผัส อาจารย์จะเพิ่มเติมอย่างไร เพื่อให้ผู้ที่อบรมเจริญปัญญาทั่วๆ ไปของพุทธบริษัทเข้าใจสภาพธรฟังแล้วเข้าใจ รมได้มากกว่านี้ครับ

    สุ. เมื่อ ๑๐ ปีก่อน ความเข้าใจของคุณประทีปกับวันนี้ ต่างกันหรือเท่าเดิม

    ผู้ฟัง ต่างกันมากเลยครับ

    สุ. ก็นี่คือคำตอบ

    ผู้ฟัง ก็ไม่รู้สึกตัวนะครับ ท่านอาจารย์

    สุ. แน่นอนค่ะ จับด้ามมีดนี่จะรู้ได้อย่างไร มีรอยนิ้วมือที่ด้ามมีดปรากฏหรือเปล่า แม้เพียงจะปรากฏ ยังไม่ต้องไปสึกหรอกค่ะ เพียงแต่ปรากฏ รอยนิ้วเท้าที่รองเท้าปรากฏหรือเปล่า ใส่ทุกวัน และรอยนิ้วเท้าที่รองเท้าปรากฏหรือเปล่า

    เพราะฉะนั้นขณะนี้กำลังฟัง เหมือนไม่มีความเข้าใจอะไรเพิ่มขึ้น แต่ความมั่นคงที่จะรู้ว่า เป็นอนัตตา มีใครคิดว่าจะรู้แจ้งอริยสัจธรรมชาตินี้บ้างไหมคะ

    ผู้ฟัง คงไม่มีครับผม

    สุ. เพราะอะไรคะ

    ผู้ฟัง ต้องภาวนา

    สุ. ภาวนาเพราะอะไรคะ โลภะหรือเปล่า หรือปัญญา

    นี่ต้องเป็นผู้ที่ตรงจริงๆ เพราะฉะนั้นธรรมไม่ใช่สิ่งที่ใครต้องการก็จะได้ แต่ต้องเป็นการอบรม และก็รู้ว่า ปัญญาคือความเข้าใจถูก ความเห็นถูก ตำรามีมาก ๓ ปิฎก อรรถกถา แต่ความเข้าใจลักษณะของธรรมที่มีจริงๆ ที่กำลังปรากฏ จะรู้ได้ อาศัยจากการฟัง และค่อยๆ เข้าใจขึ้น แต่ไม่ใช่ฟังแล้วอยากจะไปรู้แจ้งอริยสัจธรรม โดยที่ปัญญาไม่ได้รู้สิ่งที่กำลังปรากฏเลย ไม่ได้รู้แม้ขณะที่สติสัมปชัญญะเกิดต่างกับขณะที่หลงลืมสติ และจะไปรู้อะไรคะ ฟังเพื่อละ แต่ว่าเวลาฟังแล้วมีความต้องการเกิดขึ้น เป็นความเข้าใจถูกต้องหรือเปล่า ฟังแล้วเข้าใจ กับฟังแล้วรู้ว่า ที่เข้าใจคือละความไม่รู้ กับฟังแล้วอยากถึง อยากมีมากๆ ขณะอยาก ไม่ใช่เรื่องละแล้ว

    เพราะฉะนั้นหนทางนี้ เป็นหนทางละตลอดตั้งแต่ต้น แม้จะละจากความเห็นผิด การปฏิบัติผิด การเข้าใจผิด ก็ยังยาก เพราะโลภะไม่ยอมง่ายๆ เลย ขณะนี้มีสภาพธรรม ก็จะต้องสงบเสียก่อน นี่อะไร ปล่อยไปได้ไหม ให้ไปสู่การรู้ลักษณะของสภาพธรรมเดี๋ยวนี้ ตามปกติ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 267


    หมายเลข 12039
    27 ส.ค. 2567