พละมีลักษณะอย่างไร
อ.วิชัย ในส่วนของโสภณธรรมซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ทรงตรัสเรื่องของธรรมที่เป็นพละไว้ ๕ คือ ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ แล้วก็ปัญญา หรือบางแห่งอาจจะรวมหิริพละ โอตตัปปะพละด้วย ถ้ากล่าวถึงธรรมที่เป็นพละ ก็ดูเหมือนว่าตอนนี้ก็กำลังสั่งสมอยู่ แต่ว่าอกุศลก็มีกำลังมาก แต่ว่าทรงแสดงเรื่องของธรรมที่เป็นพละจริงๆ ก็ต้องเป็นธรรมที่มีกำลังจริงๆ ธรรมที่เป็นกำลัง จะครับ
สุ. ถ้าไม่ปรากฏความเป็นพละ ก็ไม่ใช่พละ
ในขณะนี้เราฟังเรื่องสภาพธรรม เป็นพละหรือเปล่า
อ.วิชัย ก็ทราบว่าขณะเป็นกุศล ก็ต้องมีศรัทธา มีโสภณธรรมต่างๆ แต่ยังไม่เห็นถึงความเป็นกำลังของสภาพธรรม
สุ. เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่ ใช่ไหมคะ
อ.วิชัย แต่ว่าโดยสภาพของศรัทธา ก็ต้องเป็นศรัทธา
สุ. ศรัทธาแน่นอนค่ะ เป็นเจตสิก และเป็นพละ เป็นอินทรีย์ด้วย เพราะฉะนั้นเป็นอินทรีย์เมื่อไร เป็นพละเมื่อไร
อ.วิชัย ก็ต้องสะสมจนมีกำลัง จนถึงความเป็นพละ แต่ที่เป็นพละ หมายความว่าต้องมากกว่าอกุศลธรรม ใช่ไหมครับ
สุ. เวลานี้คนที่กำลังมีอกุศลจิตเกิด หวั่นไหวไหมคะ
อ.วิชัย ก็ต้องหวั่นไหว
สุ. เป็นพละหรือเปล่า เป็นศรัทธาพละ หรือปัญญาพละหรือเปล่า ขณะที่หวั่นไหว
อ.วิชัย ไม่เป็นครับ
สุ. ก็ฟังมาว่าไม่ใช่เรา อกุศลก็เป็นธรรม มีปัจจัยก็เกิด เกิดแล้วก็หมดไป แล้วก็เป็นพละหรือเปล่า เวลาที่เข้าใจอย่างนี้
อ.วิชัย เพียงเข้าใจเรื่องครับ
สุ. ค่ะ หวั่นไหวเมื่อไร จะเป็นพละไม่ได้ ยังไม่ถึงความเป็นพละ แล้วจริงๆ แล้ว ที่จะหมดความเป็นเราได้ ต้องเป็นปัญญาที่สมบูรณ์ขึ้นด้วย เพราะฉะนั้นเพียงแค่สามารถจะเป็นอินทรีย์ สตินทรีย์ หรือสัทธินทรีย์ เหล่านี้ เวลาที่สติกำลังรู้ลักษณะของสภาพธรรม ซึ่งเมื่อกี้ก็หลงลืม เป็นผู้ที่ไม่ห่วงใย ไม่กังวลถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว และไม่คำนึงถึงอนาคตที่ยังไม่เกิดด้วย ขณะนั้นกำลังรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏด้วยความไม่หวั่นไหว หรือด้วยความหวั่นไหว ก็จะเป็นเรื่องของสังขารขันธ์ที่จะปรุงแต่งไป แล้วสภาพธรรมที่เกิดแต่ละขณะ แต่ละวาระนั้น จะเป็นหรือไม่เป็นพละ สภาพธรรมนั้นก็ปรากฏ
อ.วิชัย แสดงว่ามีศรัทธา ก็ต้องมีระดับของศรัทธาที่ค่อยๆ สั่งสมมีกำลังขึ้นเรื่อยๆ
สุ. ค่ะ
ที่มา ...