ความไม่ใช่ตัวตนของสภาพธรรม-1


    สุกัญญา จิตที่เกิดกับรูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย โดยส่วนตัวก็ยังมีความเข้าใจว่า เกิดไม่พร้อมกันค่ะ

    สุ. ยังไม่รู้จักรูปเลย ถูกต้องไหมคะ

    สุกัญญา มีความเข้าใจขั้นฟังค่ะ

    สุ. แต่ว่ารู้จัก หรือจำชื่อ และเข้าใจความหมายของรูป

    สุกัญญา อย่างลักษณะของแข็ง ก็พอจะเข้าใจค่ะ

    สุ. เข้าใจว่า

    สุกัญญา เข้าใจว่าเป็นลักษณะที่เกิดทางกายวิญญาณ

    สุ. เข้าใจไปถึงอย่างนั้นเลย หรือคะ เป็นสภาพธรรมที่เกิดทางกายวิญญาณ แต่ความจริงลักษณะที่แข็งมีให้รู้ แต่ไม่รู้ว่า ลักษณะนั้นมีจริง ซึ่งเกิดแล้ว และไม่เป็นของใคร แต่ไปคิดว่า นี่เป็นรูปที่เกิดขึ้น และรู้ทางกายวิญญาณ เพราะฉะนั้นก็เป็นการรู้เรื่อง แต่ว่าความจริงแล้ว แข็งเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เหมือนสภาพธรรมทุกอย่างซึ่งขณะนี้เกิดแล้วดับเร็วมาก การฟังเพื่อให้สามารถรู้ลักษณะ แต่ถ้าเราไปฟังแล้วไปคิดว่า แล้วจะเกิดพร้อมกัน หรือไม่พร้อมกัน ก็คือขณะนั้นเราไม่ได้สะสมความเข้าใจที่ถูกต้องว่า ขณะนี้แม้แข็งมี พูดเรื่องแข็ง แต่ไม่เคยรู้ลักษณะของแข็งซึ่งเกิดแล้ว และกำลังดับด้วย เกิดแล้วดับแล้วอยู่ตลอดเวลา

    เพราะฉะนั้นการที่จะเข้าใจธรรม ต้องเข้าใจว่า ฟังเพื่อประโยชน์ คือ สามารถเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมี และไม่เคยเข้าใจให้ถูกต้องว่า ลักษณะนี้มีปรากฏ แต่ก็เร็วมาก เพราะเหตุว่ามีเห็นด้วย และมีคิดนึกด้วย เพราะฉะนั้นธรรมที่ทำให้เข้าใจถึงความเป็นอนัตตาก็คือว่า สภาพธรรมแต่ละอย่างเกิดปรากฏทีละอย่าง และรวดเร็วมาก และก็ดับไป แต่การที่จะละการที่ไม่เคยรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้น ก็คือเมื่อกำลังมีลักษณะนั้นปรากฏ แต่ไม่ใช่เป็นการไปคิดเรื่องว่า แล้วสภาพนี้เกิดพร้อมกับสภาพนั้น หรือเปล่า

    ธรรมทั้งหมดที่ทรงแสดงจะกระจ่างแจ้ง เมื่อปัญญาเจริญขึ้นตามลำดับ แต่ตามลำดับของผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า จะไปรู้ว่า สภาพธรรมนี้เกิดพร้อมกับอะไร ไม่ได้ แม้แต่แข็งจะไปเกิดพร้อมกับกายปสาท เรารู้ หรือใครรู้

    เพราะฉะนั้นเราจะมีหน้าที่ไปเข้าใจว่า ขณะนี้แข็งปรากฏ เกิดพร้อมกับกายปสาท กระทบกายปสาท แล้วก็ดับพร้อมกัน ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะทำให้เราเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ซึ่งเป็นเพียงแข็ง เป็นเพียงแข็ง แต่ไม่เคยรู้ เป็นเพียงเห็น แต่ไม่เคยรู้ เป็นแต่เพียงได้ยิน แต่ไม่เคยรู้ เพราะว่าสนใจในเรื่องราว และเป็นสิ่งที่เราสามารถรู้ได้ไหมว่า อะไรเกิดพร้อมอะไร ในเมื่อเรายังไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นว่าเป็นธรรม เพราะว่าปกติมีแข็งปรากฏ ก็ไม่ได้สนใจอะไรเลย ก็คิดถึงเรื่องโต๊ะ เรื่องเก้าอี้ เรื่องช้อน เรื่องส้อม เรื่องหนังสือ เรื่องกระดาษ เรื่องอะไรหมดทุกอย่าง ไม่ได้รู้ความเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ซึ่งไม่ใช่ใครเลยทั้งสิ้น และสภาพธรรมแต่ละอย่างก็เป็นอย่างนี้ คือ เป็นเพียงลักษณะของสภาพธรรมแต่ละอย่าง ซึ่งมีปัจจัยเกิดแล้วก็ดับไป เพราะฉะนั้นไม่ต้องไปติดใจใคร่ครวญคิดว่า อะไรพร้อมอะไร แต่การฟังทำให้เราสามารถรู้ได้ว่า ผู้ที่รู้กว่าเรามีแน่นอน และก็รู้มากจนกระทั่งสามารถแสดงความจริงของสิ่งที่ปรากฏโดยประการทั้งปวง เพื่อให้ผู้ไม่รู้ไม่ใช่ไปรู้อย่างนั้น แต่เพื่อให้เห็นความเป็นอนัตตา ความไม่ใช่ตัวตนของสภาพธรรม เพื่อจะได้รู้ลักษณะแต่ละลักษณะ เพราะว่ากำลังมีลักษณะปรากฏทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะทางไหน

    สุกัญญา สิ่งที่ปรากฏทางตา ถ้าไม่มีจักขุวิญญาณที่จะรู้สิ่งที่ปรากฏทางตา สิ่งที่ปรากฏทางตานั้นก็ไม่สามารถมีสติระลึกรู้ได้

    สุ. สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นรูปธรรม ทำอะไรไม่ได้เลย เห็นอยู่ตลอดตั้งแต่ตื่นมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้ ก็เห็นอยู่ตลอด รูปก็เกิดดับ โดยไม่รู้ เห็นก็เกิดดับโดยไม่รู้ การฟังธรรมเพื่อจะให้เข้าใจความจริงว่า เราไม่รู้มากแค่ไหน และกว่าจะรู้ได้จริงๆ ต้องเริ่มต้น และมีความจริงใจที่จะรู้ว่า เราสามารถรู้ได้แค่ไหนจริงๆ สิ่งที่เราสามารถจะรู้ได้จริงๆ คือ สิ่งนี้ปรากฏ จะรู้ก็คือรู้สิ่งที่ปรากฏ แต่ว่าก่อนที่จะรู้สิ่งที่ปรากฏ ก็ต้องมีปัญญาขั้นฟังให้เข้าใจว่า สิ่งที่ปรากฏจริงๆ ไม่ใช่ใครเลย แล้วก็ลองคิดดู เราเห็นเป็นโน่นเป็นนี่มาตลอด และก็ยังเห็นอยู่โดยตลอด แต่เพิ่งจะเริ่มฟังว่า ขณะเห็นมีสิ่งที่ปรากฏให้เห็นเท่านั้นเอง และหลังจากนั้นก็คิดเรื่องสิ่งที่เห็น แม้สิ่งที่ปรากฏทางตาไม่มี ก็ยังคิดเรื่องสิ่งที่เคยเห็น ยังจำเรื่องราวของสิ่งที่เคยเห็น เพราะฉะนั้นอะไรที่จะมีเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนจริงๆ นอกจากความจำ เพราะความไม่รู้ในความจริงของสิ่งที่ปรากฏให้เห็น


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 287


    หมายเลข 12171
    27 ส.ค. 2567