สัจญาณในอริยสัจธรรม
สุ. ถ้าไม่รู้ว่าเป็นธรรม ไม่มีทางเลยที่จะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน แต่เมื่อรู้ว่าเป็นธรรม และลักษณะที่ต่างกันเป็นนามธรรม และรูปธรรม
เพราะฉะนั้นก่อนอื่นก็คือ จะเข้าใจสภาพที่เป็นรูปธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง หรือนามธรรมที่มีในขณะนั้นตามความเป็นจริง
บง คือ ดิฉันหยาบไปหน่อย ดิฉันไปแยกแต่ละทวารเลย แต่ตามความจริงแล้ว ในทวารหนึ่งจะระลึกรู้อะไรก็ได้ ที่เกิดขึ้นประกอบกันขณะนั้น
สุ. แล้วคำถามต่อไปก็มีว่า แล้วจะรู้อะไรได้
บง แล้วแต่สติจะเกิดระลึกรู้
สุ. นั่นซิคะ อะไรที่สติจะระลึกในขณะที่กำลังเห็น ที่จะรู้ได้
อ.ธิดารัตน์ เคยเรียนถามท่านอาจารย์ ก็ขอทบทวนความเข้าใจ คือ ท่านอาจารย์ก็จะแนะนำว่า ปัญญาจะต้องค่อยๆ รู้ลักษณะโดยรู้สิ่งที่ปรากฏ กับสิ่งที่ปรากฏ คือ รู้นามธรรม รู้รูปธรรมก่อน แล้วปัญญาระดับที่อบรมเจริญสูงขึ้นไป จึงจะสามารถรู้โดยลักษณะของความเป็นอินทรีย์ได้ เพราะฉะนั้นปัญญาเบื้องต้นแค่รู้ว่าเป็นนามธรรม เป็นรูปธรรมก่อน
บง เวลาที่สอบถามกัน เหมือนกับมีหลายขั้นที่ว่า รู้ก็ได้ แต่ปัญญาของเรารู้ได้ หรือเปล่า
สุ. ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏ มี แล้วจะรู้ไหมถ้าเป็นปัญญา หรือจะข้ามไปรู้อินทรีย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีเป็นธรรม ปรากฏ เป็นรูปธรรม แต่ก็มีนามธรรม ซึ่งไม่ใช่เรา เพราะฉะนั้นปัญญาจะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ต่างกัน มิฉะนั้นแล้วจะไม่มีความเข้าใจชัดเจนว่า ไม่ใช่ตัวตนเพราะอะไร ที่จะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน เพราะว่าไม่ใช่มีเพียงสิ่งที่ปรากฏ แต่ต้องมีสภาพเห็นซึ่งไม่ใช่เรา มิฉะนั้นก็จะเป็นเห็นที่เป็นเราไปเรื่อยๆ แล้วสิ่งที่ปรากฏ ก็จะเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปตลอด แต่ว่าตามความเป็นจริง กว่าจะเริ่มรู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏทางตา และสภาพรู้ ก่อนที่จะถึงการรู้อินทรีย์
เพราะฉะนั้นก็ไม่ใช่เราจะไปรู้สภาพธรรมนั้นปรากฏ แต่ปัญญาต้องเริ่มตามลำดับขั้นด้วย การเข้าใจธรรมที่ทรงแสดงโดยลักษณะต่างๆ เช่น เป็นอายตนะ เป็นธาตุ เป็นปฏิจสมุปปาท พวกนี้ไม่ใช่เราจะมารู้ชื่อ แล้วใส่ชื่อว่า ขณะนี้จักขุปสาทเป็นจักขุนทรีย์ นี่เราพูดด้วยความเข้าใจในขั้นฟัง แต่จะรู้ความเป็นจักขุนทรีย์ได้ไหม เมื่อขณะนี้แม้สิ่งที่ปรากฏทางตาซึ่งเป็นรูปหยาบ จักขุนทรีย์ก็เป็นรูปหยาบด้วย แต่ขณะนี้จักขุนทรีย์ปรากฏ หรือเปล่า หรือสิ่งที่ปรากฏทางตาปรากฏ เพราะฉะนั้นจะข้าม ไม่รู้สิ่งที่ปรากฏทางตา และไปรู้จักขุนทรีย์ ก็ลองไปคิดดูว่า สามารถไปรู้ความอินทรีย์ของรูปนั้นได้ไหม
อ.ธิดารัตน์ อย่างความเป็นอินทรีย์ ท่านก็แสดงโดยความเป็นปัจจัยที่เป็น อินทรีย์ อย่างนี้หมายความว่า ปัญญาที่จะรู้ลักษณะของความเป็นอินทรีย์ จะต้องผ่านความรู้ลักษณะของนามธรรมรูปธรรมที่ต่างกัน คือ ผ่านนามรูปปริจเฉทญาณไปก่อน และจะไปรู้อินทรีย์ จะต้องรู้ด้วยความเป็นปัจจัย หรือเปล่าคะ
สุ. สภาพธรรมไม่เปลี่ยนเลย แต่ความรู้ของเราค่อยๆ เกิดขึ้น หรือสามารถที่จะรู้ทั่วในสภาพธรรมนั้นว่า สิ่งนั้นเป็นธาตุ เป็นอินทรีย์ เป็นอายตนะ เพราะฉะนั้นก็แสดงให้เห็นว่า แม้สภาพธรรมที่ปรากฏ ปัญญาเริ่มฟัง เข้าใจบ้าง ไม่เข้าใจบ้าง เดี๋ยวลืม แต่ถ้าเป็นความเข้าใจจริงๆ ก็จะค่อยๆ มั่นคงขึ้น เพราะว่าจะเข้าใจทีเดียวทั้งหมดไม่ได้ แต่จากอาศัยการฟัง ก็จะเห็นความเป็นอนัตตา ที่สำคัญที่สุดของสัจญาณในอริยสัจธรรม แต่ในแต่ละภพชาติ คือ ทำให้มีความเข้าใจมั่นคงว่า สภาพธรรมที่ปรากฏเป็นธรรม ไม่ใช่ตัวตน
ที่มา ...