ไม่มีเราเลย เป็นธรรมทั้งหมด
ผู้ฟัง ถ้าอย่างนี้ ปรมัตถธรรมก็มีจิต เจตสิก รูป ถ้าฟังมากๆ ก็จะมีนัยของขันธ์ ของธาตุ ของอินทรีย์
ท่านอาจารย์ เข้าใจว่าขันธ์อยู่ที่ไหน ในเมื่อธรรมเป็นธรรม และขณะนี้ก็เป็นธรรมแต่ละลักษณะ ซึ่งเกิดแล้วก็ดับไป หลากหลาย เพราะฉะนั้นขันธ์จึงมีทั้งที่หยาบ ละเอียด นี่คือความหลากหลาย ไม่อย่างนั้นเราจะไปหาความหลากหลายที่ไหน เสียงเมื่อกี้นี้ และเสียงเดี๋ยวนี้ ก็คนละเสียง ความหลากหลายก็มี เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีอยู่นี่แหละ ให้รู้ว่าเป็นความหลากหลายของรูป แม้แต่เป็นรูปชนิดเดียวกัน ซึ่งเกิดแล้วก็ดับไป นี่จะเข้าใจในคำว่า ขันธ์
เพราะฉะนั้นขันธ์ ก็คือ ธรรมนั่นแหละ แต่ว่าธรรมที่หลากหลาย เพราะว่าไม่มีธรรมใดที่เกิดแล้วไม่ดับ ถ้ามีปัจจัยที่จะเกิดเมื่อไร เกิดแล้วดับด้วย เราก็เข้าใจแล้ว ขันธ์จะมีอย่างเดียวไม่ได้ เพราะว่าดับไปแล้ว ก็มีอย่างใหม่มาอีก มีปัจจัยปรุงแต่งเกิดขึ้น
เพราะฉะนั้นสิ่งใดที่มีการเกิดขึ้นทั้งหมด สิ่งนั้นเป็นขันธ์ และมีสภาพธรรมที่ต่างกันเป็นนามธรรม รูปธรรม เพราะฉะนั้นนามธรรมก็เป็นนามขันธ์ เพราะว่าเกิดแล้วก็ดับ แล้วก็หลากหลาย
ผู้ฟัง แล้วเมื่อเราฟังรายละเอียดของสิ่งต่างๆ เหล่านี้ ก็จะทำให้เราเข้าใจว่า เป็นอนัตตา แล้วก็เป็นธรรมอย่างไร
ท่านอาจารย์ ขณะนี้เป็นธรรม คือ สิ่งที่มีจริง กำลังฟังเรื่องนี้ให้เข้าใจว่า เป็นธรรม แม้แต่ขันธ์ ก็เข้าใจได้ว่า สิ่งที่มีจริงขณะนี้ไม่ใช่สิ่งเดียว เกิดแล้วดับ เสียงเกิดแล้วดับ แล้วมีเสียงใหม่เกิด ก็หลากหลายไปอีก เพราะฉะนั้นสิ่งที่มี เกิดดับๆ อย่างนี้ ก็เป็นลักษณะของธรรม ที่ใช้คำว่า ขันธ์ เพราะว่าหลากหลาย
ผู้ฟัง พราะฉะนั้นไม่ว่าจะกล่าวโดยนัยไหนก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่ให้เรารู้รายละเอียด ลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ท่านอาจารย์ เพื่อให้เข้าใจถูกต้องว่า ไม่มีเราเลย เป็นธรรมทั้งหมด
ที่มา ...