ฟังเข้าใจ แต่รู้จริงๆ หรือเปล่า


    ผู้ฟัง ที่บอกว่า ละตัวตน ละความเป็นเรา ความจริงผมยังสงสัยว่า เราความเป็นเรา ต้องถึงขั้นไหนๆ หรือเปล่า ต้องถึงขั้นบรรลุโสดาปัตติมรรค หรือโสตาปัตติผล ถึงจะละตัวเราได้ เราเรียนรู้ในขั้นนี้ ยังไม่สามารถละความเป็นตัวตนได้ ผมอยากเรียนถามท่านอาจารย์

    สุ. ที่ว่า “รู้” เรารู้จริงแค่ไหน ถ้ารู้จริง คือ อริยสัจจะ เป็นพระโสดาบัน สามารถจะละความสงสัย ความไม่รู้ การเห็นผิดที่ยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา เพราะได้รู้ความจริงของสภาพธรรมตรงตามที่ได้ฟัง ขณะนี้เรากำลังฟังเรื่องของสภาพธรรม กำลังฟังอยู่เข้าใจ แต่รู้จริงๆ หรือเปล่า เช่น กล่าวว่า ขณะนี้จิตเห็นเกิดแล้วดับ เรารู้จริงๆ หรือเปล่า หรือเพียงแต่ฟังเข้าใจว่า ขณะนี้มีจิตเห็นจริงๆ เพราะกำลังเห็น และต้องเกิดขึ้นด้วย ถ้าไม่เกิดก็เห็นไม่ได้ เพราะฉะนั้นขณะนี้เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยแล้วก็ดับไป และถ้าเรามีความเข้าใจในเรื่องเหตุปัจจัยจริงๆ ประจักษ์จริงๆ ว่าสภาพธรรมนั้นเกิดแล้ว ไม่มีการบังคับเลย มีปัจจัยที่ทำให้สภาพธรรมนั้นเกิด เราจะไปหวัง จะไปคอย จะไปรออะไรไหม ในเมื่อรู้จริงๆ ว่า เดี๋ยวนี้สภาพธรรมปรากฏ เกิดแล้วทั้งนั้นเลย แต่ยังไม่ประจักษ์การเกิดขึ้น และการดับไป เพราะฉะนั้นยังไม่ใช่รู้จริง ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเพียงความเข้าใจขั้นฟัง ซึ่งไม่สามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสภาพธรรม ถ้ายังไม่ประจักษ์แจ้ง ไม่หมดความสงสัย เพียงแต่ฟังเท่านั้นเอง แต่ทุกคำที่ทรงแสดงเป็นความจริงจากการตรัสรู้ สภาพธรรมเกิดจริงๆ ดับจริงๆ และคนที่ได้ฟัง และอบรมเจริญปัญญา ก็สามารถที่จะประจักษ์ความจริงด้วยปัญญาของตนเองที่ละโลภะ ละความต้องการ เพราะรู้ว่าโลภะ ไม่ได้ทำให้เกิดการประจักษ์แจ้งลักษณะของสภาพธรรม เพราะเป็นการไม่รู้ความจริง และหวัง เป็นตัวตนที่ลึกมาก ที่ยิ่งฟัง ก็ยิ่งหวัง และยิ่งทุกข์ แต่ถ้ารู้ว่าเป็นธรรม ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ขณะที่เป็นกุศล เป็นปัญญา ความเห็นถูก ก็ไม่มีความทุกข์อะไร เพราะรู้ว่าก็เป็นธรรมแต่ละอย่าง จนกว่าจะเข้าใจความจริงโดยกาประจักษ์แจ้ง ไม่ใช่เพียงขั้นฟัง

    เพราะฉะนั้นปัญญาที่เกิด ก็จะต้องเป็นไปตามลำดับขั้น ถ้าไม่มีการฟังเลย เราคิดเองได้ไหมคะ ไม่ใช่ตัวเราที่เห็น คิดเองได้ไหม ไม่มีทาง และเมื่อฟังแล้ว พิจารณาแล้ว ก็เป็นปัจจัยที่จะให้สติสัมปชัญญะกำลังรู้ลักษณะ ซึ่งเดี๋ยวนี้มี แต่เราข้ามไปเสมอ ไม่ได้รู้ตรงลักษณะแต่ละลักษณะจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ไม่สามารถรู้การเกิดขึ้น และดับไปได้ ต่อเมื่อใดที่รู้ลักษณะจริงๆ ปัญญาสมบูรณ์ขึ้น ก็จะประจักษ์ความเป็นจริงตรงตามที่ได้ยินได้ฟังทั้งหมด เมื่อนั้นก็จะประจักษ์แจ้งอริยสัจธรรมได้ ถึงจะดับกิเลสได้ ดับการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนได้

    เพราะฉะนั้นผู้ที่ยังไม่รู้แจ้งอริยสัจธรรม ยังดับการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนไม่ได้ จะไปคิดหวังพยายามเพียงไรโดยวิธีอื่น ไม่สำเร็จค่ะ เพราะว่าไม่ใช่ปัญญาที่รู้ความจริงของสภาพธรร

    ผู้ถาม ทีนี้อยากจะถามว่า ถึงขั้นไหน ถึงจะละความเป็นตัวเราได้ ละความเป็นเรา

    สุ. รู้แจ้งอริยสัจธรรม ๔

    ผู้ฟัง เป็นโสดาปัตติผล

    สุ. ค่ะ


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 293


    หมายเลข 12208
    26 ส.ค. 2567