รูปเกิดจากสมุฏฐานต่างๆ
วรศักดิ์ ถามเรื่องที่อาจารย์บอกว่า ไม่ต้องกังวลไปห่วงใยว่า อะไรจะเกิด เพราะเหตุว่ารูปมีสมุฏฐาน ๔ อย่าง เกิดจากกรรม จิต อุตุ และอาหาร รูปที่มีเป็นมะเร็งก็คงไม่พ้นจากสมุฏฐาน ๔ อย่างนี้เช่นกัน แต่พูดถึงกรรม จิต อยู่นอกเหนือการบังคับบัญชาได้ แต่ดูเหมือนอาหารจะสามารถเลือกรับประทานได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นมะเร็ง
สุ. อาหารที่มีประโยชน์ก็มี อาหารที่เป็นโทษก็มี
วรศักดิ์ แล้วพูดถึงอาหารที่เป็นคำๆ ที่เรียกว่ากวฬิงการาหารอย่างเดียว หรือจะรวมทั้งมโนสัญเจตนาหาร วิญญาณาหาร
สุ. อาหารปัจจัยมี ๔ คุณวรศักดิ์พูดถึงอาหารประเภทไหน
วรศักดิ์ อาหารที่เป็นปัจจัยให้เกิดรูป คือ กวฬิงการาหารโดยส่วนเดียว หรือรวมทั้งมโนสัญเจตนาหาร ผัสสาหาร และวิญญาณาหาร
สุ. เจตนา เวลาให้ผลทำให้วิบากจิตเกิด ทำให้รูปเกิดด้วยหรือเปล่า
วรศักดิ์ ปัจจัยที่ทำให้รูปเกิด ก็เกิดจากกรรม
สุ. รูป ๑ กลาป เล็กมากที่สุด เกิดขึ้นเพราะสมุฏฐานหนึ่ง ไม่ใช่รูปนั้นเกิดเพราะหลายๆ สมุฏฐาน แล้วแต่รูปนั้นเกิดเพราะอะไรเป็นสมุฏฐาน
วรศักดิ์ รูปใดที่เกิดขึ้นมา ก็มีสมุฏฐานเพียงสมุฏฐานเดียวเท่านั้น
สุ. ถูกต้องค่ะ
อ.วิชัย รูปมีกี่สมุฏฐานครับ
วรศักดิ์ รูปมี ๔ สมุฏฐาน เกิดจากกรรม จิต อุตุ และอาหาร
อ.วิชัย อันนี้พูดถึงอาหาร ๔ อย่าง ก็มีกวฬิงการาหาร ๑ ผัสสาหาร ๑ มโนสัญเจตนาหาร ๑ และวิญญาณาหาร เพราะฉะนั้นอาหารที่เป็นรูปมี ๑ คือ กวฬิงการาหาร โอชา ที่รับประทานเข้าไปในร่างกาย อันนี้เป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มรูปใหม่ รูปใหม่ที่เกิดขึ้นเกิดจากสมุฏฐานไหน
วรศักดิ์ เกิดจากสมุฏฐานไหนก็ได้ สมุฏฐานใดสมุฏฐานหนึ่ง
อ.วิชัย หมายถึงว่ารับประทานอาหารเข้าไปแล้ว ธาตุไฟที่เกิดจากกรรมย่อยโอชารูป หรืออาหารรูป เป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มรูปใหม่ กลุ่มรูปใหม่ที่เกิดขึ้นก็คือมีอาหารนั่นแหละเป็นสมุฏฐาน เรียกว่า อาหารชรูป เพราะเหตุว่ากลุ่มรูปใหม่นั้นเกิดจากรูปอาหาร ถ้าอาหารรูปอย่างหนึ่ง อาหารชรูปอย่างหนึ่ง อาหารรูป หมายถึงโอชารูป อาหารชรูป หมายถึงกลุ่มรูปที่เกิดจากโอชารูป
ดังนั้นกวฬิงการาหารทำให้เกิดรูปอย่างเดียว แต่ส่วนของผัสสาหาร มโนสัญเจตนาหาร และวิญญาณาหาร เป็นนามอาหาร เป็นปัจจัยให้แก่ทั้งนามธรรมที่เกิดร่วมด้วย และรูปที่เกิดร่วมด้วยพร้อมกันในขณะนั้น จะมีทั้งกัมมชรูปขณะปฏิสนธิ และจิตตชรูปหลังปฏิสนธิ
วรศักดิ์ แต่ถ้าเป็นปัจจัยให้เกิดรูปใดแล้ว เป็นได้เพียงตัวเดียว รูปนั้นเกิดจากอุตุ ก็เกิดจากอุตุเพียงอย่างเดียว ก็จะไม่มีปัจจัยอื่นที่จะมาให้รูปดังกล่าวนั้นเกิดอีก ทีละขณะเดียวที่ท่านอาจารย์กล่าว
อ.วิชัย อันนี้เรื่องของอาหาร เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ กวฬิงการาหารเป็นปัจจัยให้เกิดอาหารชรูป ในส่วนของนามอาหาร ๓ เป็นเหตุให้เกิดทั้งนามทั้งรูป เข้าใจแล้วใช่ไหมครับ
วรศักดิ์ ก็พอเข้าใจครับ
อ.วิชัย แล้วคำถามต่อไปคือ
วรศักดิ์ อย่างที่บอกว่า มะเร็งเป็นรูปที่เกิดจากอาหาร
อ.วิชัย อย่างที่บอกว่า รูปที่เกิดมี ๔ สมุฏฐาน เกิดจากกรรมก็ได้ เกิดจากจิตก็ได้ เกิดจากอุตุก็ได้ เกิดจากอาหารก็ได้ ทีนี้ที่เรากล่าวถึงมะเร็ง ก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสมุฏฐานไหน แต่เข้าใจว่ารูปที่เกิด ต้องเกิดจากสมุฏฐานใดสมุฏฐานหนึ่ง กรรม จิต อุตุ อาหาร อย่างใดอย่างหนึ่ง
วรศักดิ์ คือ เกิดจากจิตด้วยก็ได้
อ.วิชัย ขณะนั้นรูปนั้นก็เกิดจากจิตไป เกิดจากกรรม รูปนั้นก็เกิดจากกรรม
วรศักดิ์ ครับ ดูเหมือนจะบังคับบัญชาได้ถ้าเกิดจากอาหาร และอาหารที่เราทานเข้าไปที่เรียกว่า กวฬิงการาหาร ถ้าเกิดทานไม่ถูก ก็เกิดมะเร็งได้
อ.วิชัย จะบังคับอย่างไร
วรศักดิ์ ก็เลือกอย่าทานอาหารที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง
อ.วิชัย ขณะนั้นอาหารก็เป็นปัจจัยให้เกิดกลุ่มรูปใหม่ จะบังคับไม่ให้เกิดกลุ่มรูปใหม่ได้ไหมครับ
วรศักดิ์ ก็ไม่ได้ แต่เวลา แต่เวลาเราจะรับประทาน
อ.วิชัย ก็ต้องพิจารณาถึงเหตุปัจจัย ถ้าได้เหตุปัจจัยพร้อม สิ่งนั้นก็เกิดขึ้น ถ้าขาดเหตุปัจจัย จะบังคับอย่างไรก็ไม่เกิด เพราะธรรมทุกอย่างเป็นไปตามเหตุ และปัจจัย
สุ. ขอตัวอย่างนิดหนึ่งนะคะ จมูกคุณวรศักดิ์เกิดจากสมุฏฐานอะไร
วรศักดิ์ เกิดจากอุตุ อาหาร และกรรมด้วย
สุ. เห็นไหมคะว่า ไม่ใช่เรื่องที่เราจะคิดได้ กลาปนี่เล็กแค่ไหน แต่ละกลาป ที่เราคิดว่าเป็นก้อน หรือเป็นสิ่งที่เราจับต้องได้ กี่กลาป และแต่ละกลาป แต่ละหนึ่งนั้น ไม่ใช่มารวมกัน ที่เกิดจากกรรมมีไหม ที่เกิดจากอุตุมีไหม ที่เกิดจากอาหารมีไหม ที่เกิดจากจิตมีไหม
เพราะฉะนั้นไม่ต้องเป็นเรื่องที่เราจะไปพยายามแยกหรือรู้ แต่เข้าใจได้ว่า รูปก็มีสมุฏฐานของรูปว่า รูปใด กลาปไหน เมื่อเกิด เกิดเพราะอะไรเป็นสมุฏฐาน คือ เพราะกรรมเป็นสมุฏฐาน เฉพาะกลาปนั้น และรูปใดเกิดเพราะจิตเป็นสมุฏฐาน ก็เฉพาะกลาปนั้นที่เกิดเพราะจิตเป็นสมุฏฐาน กลาปใดเกิดเพราะอุตุ กลาปใดเกิดเพราะอาหาร
วรศักดิ์ แล้วจะเฉลยได้ไหมครับว่า จมูกเกิดจากอะไร กลาปใดเป็นสมุฏฐาน
สุ. จมูกนี่ใหญ่หรือเล็ก มีกี่กลาป
วรศักดิ์ มากครับ
สุ. แต่ละกลาปก็เกิดแต่ละสมุฏฐาน
วรศักดิ์ ซึ่งแต่ละกลาปที่เกิดแต่ละสมุฏฐานนั้นก็เกิดเพียงสมุฏฐานเดียว ใช่ไหมครับ
สุ. ถูกต้องค่ะ รูปที่แยกกันไม่ได้เลย น้อยที่สุดก็คือ ๘ รูป เกิดเพราะกรรมก็มี เกิดเพราะจิตก็มี เพราะอุตุก็มี เพราะอาหารก็มี แต่สำหรับรูปที่เกิดเพราะกรรม ต้องมีรูปอื่นเกิดร่วมด้วย แต่เราพูดถึงน้อยที่สุด
วรศักดิ์ เคยได้ยินมาว่า รูปที่เกิดเพราะกรรม คือ ขณะปฏิสนธิขณะ ขณะเดียว
สุ. และหลังจากนั้นไม่มีเลยหรือคะ
วรศักดิ์ เกิดพร้อมกัน
สุ. เป็นสหชาต ในขณะปฏิสนธิ แต่หลังจากนั้นแล้ว รูปจะเป็นสมุฏฐาน ต้องหลังจากที่รูปเกิดแล้วในฐิติขณะของรูป
วรศักดิ์ ซึ่งมีกรรมเป็นสมุฏฐาน
สุ. แล้วแต่ค่ะ พยายามไปแยกอย่างไร แยกออกไหมคะว่า กลาปนี้ เฉพาะกลาปนี้ซึ่งเกิดแล้วก็ดับเร็วมาก ไปนั่งคิดว่าเกิดเพราะสมุฏฐานไหน รูปกลาปนั้นก็ดับไปแล้ว
อ.อรรณพ เพราะฉะนั้นพื้นฐานความเข้าใจอภิธรรม ก็คือทั้งธรรมที่เป็นรูปธรรม และนามธรรม แม้รูปก็เกิดเพราะสมุฏฐานต่างๆ ซึ่งขณะที่เราไปคิดถึงรูปใดรูปหนึ่ง รูปนั้นก็ดับไปแล้ว และแต่ละรูปก็คือแต่ละกลุ่ม อย่างน้อยจะต้องมี ๘ รูป คือ มีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส และโอชา รูปจะไม่อยู่เดี่ยวๆ จะอยู่เป็นกลุ่ม หรือเป็นกลาป ที่เราเห็นว่าเป็นชิ้นส่วน ไม่ว่าจะเป็นจมูกหรือใบหู ถ้าจะแตกให้ย่อยไปแล้ว ก็เป็นกลุ่มของรูปแต่ละกลุ่ม หรือแต่ละกลาป บางกลาปก็เกิดจากกรรม บางกลาปก็เกิดจากจิต บางกลาปก็เกิดจากอุตุ บางกลาปก็เกิดจากอาหาร
คนที่หน้าตาสวย เวลาเขาโกรธ รูปนั้นดีหรือไม่ดี แล้วแต่ละกลาปไป กลาปที่เกิดจากกรรมที่เป็นผลของกุศลกรรม ในกลาปนั้น วัณณรูป ซึ่งคือสีนั่นเองของกลาปนั้น ถ้าเกิดจากกรรมที่ดี ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเป็นรูปที่เกิดจากจิต กลุ่มของรูปที่เกิดจากจิตที่เป็นโทสะ รูปนั้นก็ไม่ดี เสียงก็เหมือนกัน เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่กลุ่มของรูปนั้นเกิดจากสมุฏฐานใด
ที่มา ...