จดหมายจากท่านผู้ฟัง


    คุณอุไรวรรณ มีจดหมายจากท่านผู้ฟัง เป็นจดหมายที่ค่อนข้างยาว แต่คิดว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ฟังที่เริ่มต้นใหม่ๆ มาก

    วันที่ ๓๑ สิงหาคม ๒๕๔๙

    กราบเรียนท่านอาจารย์ที่เคารพอย่างสูง

    ดิฉันเพิ่งมาฟังการบรรยายธรรมกับท่านอาจารย์เพียง ๓ – ๔ ครั้ง แต่เมื่อตอนเด็กๆ ดิฉันเคยฟังท่านอาจารย์บรรยายธรรมทางวิทยุมาบ้างแล้วเหมือนกัน ซึ่งตอนนั้นดิฉันไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่ก็ต้องฟัง ฟังไปก็รู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง เหตุสืบเนื่องมาจากอดีตที่คุณพ่อดิฉัน ท่านตื่นแต่เช้ามาสวดมนต์ และฟังธรรมบรรยาย ตอนนั้นดิฉันเรียน ม. ๒ ตอนเช้าคุณพ่อก็จะสวดมนต์ด้วยเสียงดังก้อง และตามด้วยการเปิดฟังธรรมแบบดังลั่นๆ อยู่เป็นประจำ จะเป็นด้วยกุศโลบายของคุณพ่อหรือเปล่าก็ไม่ทราบที่จะให้ดิฉัน และคนในบ้านพลอยจำใจได้ฟังธรรมไปกับท่านอย่างไม่ได้ตั้งใจ มิหนำซ้ำบางครั้งยังก่อให้เกิดความรำคาญใจอีกต่างหาก แต่ดูเหมือนท่านจะไม่สนใจความรู้สึกใดๆ ของคนในบ้านเลย เพราะท่านชอบฟัง และพอใจที่จะฟังอยู่บ่อยๆ ทุกเช้า

    ต่อมาเมื่อดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพ คุณพ่อก็มักจะสอบถาม และปรารภกับดิฉันบ่อยๆ ว่า สถานที่เขาบรรยายธรรมออกอากาศตอนเช้าๆ นั้นอยู่ที่ไหน ลูกพอจะรู้จักไหม ซึ่งในตอนนั้นดิฉันก็ไม่สามารถจะตอบได้ จนกระทั่งดิฉันได้มีโอกาสเข้ามาอยู่กรุงเทพเพราะการแต่งงาน และท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตของดิฉัน ความใฝ่ฝันของคุณพ่อก็ยังไม่ถูกลบเลือนแม้แต่น้อย ท่านยังชอบปรารภ และสอบถามอยู่เนืองๆ เช่นเคยว่า ลูกพอจะรู้บ้างไหมว่า สถานที่เขาบรรยายธรรมอยู่ที่ไหน ให้ช่วยพาท่านไปรู้จักคุ้นเคยหน่อย เพื่อจะได้มาฟังธรรมกับเขาบ้าง ตามความคิดของผู้อยู่ต่างจังหวัด คือ อยากเห็นสถานที่จริง ตัวจริง และเสียงจริงของท่านอาจารย์ และเมื่อโอกาสเหมาะมาถึง ดิฉันจึงไปรับท่านจากจังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยหวังว่าจะให้ท่านพักอยู่หลายวันหน่อย เพื่อตามหาสถานที่เขาบรรยายธรรม ในที่สุดโชคดีที่รู้ข้อมูลค่อนข้างชัดเจนจากการฟังวิทยุว่า การบรรยายธรรมทุกครั้งมาจากมูลนิธิพระอภิธรรม วัดมหาธาตุในตอนนั้น

    ด้วยความเคารพ และศรัทธาในพระธรรมอย่างยิ่งของท่าน ท่านจึงไม่ละความพยายามที่จะตามหาที่เรียนรู้ เพราะท่านเองก็มีความรู้พื้นฐานทั้งทางโลก และทางธรรมมาจากวัดในพม่าค่ะ ท่านเป็นคนไทยใหญ่ เชื้อสายพม่า ต่อมาท่านได้อพยพมาอยู่แม่ฮ่องสอน ท่านเล่าอย่างนี้นะคะ

    เมื่อวันดีมาถึง ดิฉัน และคุณพ่อก็ได้เตรียมตัวกันตั้งแต่เช้า และพากันไปที่วัดมหาธาตุ ใกล้ท้องสนามหลวง วัดมหาธาตุในตอนนั้นจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนอย่างมาก มีทั้งพ่อค้าแม่ค้า และผู้มาฟังธรรมตามหอบรรยายต่างๆ มากจนแน่นขนัด อย่างที่ดิฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลย แลดูแปลกหูแปลกตาสำหรับดิฉัน และคุณพ่อมาก หลังจากไปสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ห้องบริการ และได้ทำบุญที่คณะ ๕ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี ท่านผู้เป็นกัลยาณมิตรก็ได้พาเราไปฟังธรรมด้วยกันอย่างอบอุ่น แต่คุณพ่อก็ยังไม่บรรลุจุดประสงค์ของท่าน ท่านจะถามว่า ท่านอาจารย์กิตติวุฑโฒบรรยายที่ไหน ท่านอาจารย์สุจินต์บรรยายที่ไหน เมื่อมีผู้กรุณาแนะนำ ท่านก็เข้าไปฟังธรรม และดิฉันก็รู้ได้เลยว่า ท่านจะไม่ยอมกลับแน่ๆ ถ้าเขาไม่เลิกบรรยาย และดูเหมือนดิฉันจะเดาใจท่านได้ถูกต้อง ท่านหันมาบอกว่า ถ้าลูกจะกลับไปก่อน ก็ไปนะ พ่อจะอยู่ฟังธรรมที่นี่ ตอนเย็นๆ ค่ำๆ อย่าลืมมารับพ่อก็แล้วกัน ดิฉันแอบเป็นห่วงท่านนิดๆ เหมือนกัน แต่ก็คิดว่า ผลบุญคงจะอำนวยความสะดวกให้คุณพ่อเอง

    วันนั้นทั้งวัน คุณพ่อคงมีความสุขกับธรรมบรรยายตามที่คุณพ่อปรารถนามานาน คือ อยากเห็นตัวจริง เสียงจริงของผู้บรรยายที่ล้วนแต่เก่งๆ ทั้งนั้น สังเกตได้จากตอนมารับคุณพ่อกลับ ดิฉันกลับมารับท่านตอน ๖ โมงเย็น เห็นท่านสนทนาธรรมกับเพื่อนธรรมใหม่ๆ หลายท่านอย่างมีความสุข สนทนาไปหัวเราะไป ทั้งๆ ที่เพิ่งจะรู้จักกันไม่นานนี่เอง


    ที่มา ...

    พื้นฐานพระอภิธรรม ตอนที่ 299


    หมายเลข 12237
    26 ส.ค. 2567