นามธรรม รูปธรรม
ผู้ฟัง รูปที่เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน ส่วนใหญ่ที่พอเห็นได้ เป็นรูปที่เกิดจากอุตุ เกิดจากอาหาร แล้วถ้าเป็นรูปที่เกิดจากกรรม หรือรูปที่เกิดจากจิต จะสามารถเป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ไหมครับ
สุ. รูปอะไรหรือคะ
ผู้ฟัง อย่างเช่น ฟังจากพระไตรปิฎก ยักคิ้วหลิ่วตา เป็นรูปที่เกิดจากจิต แต่พอมาฟังเรื่องธาตุไฟ จิตที่เป็นโทสะหรือโลภะ เวลาธาตุไฟเกิด ก็เป็นรูปที่เกิดจากจิตด้วยเช่นกัน ใช่ไหมครับ อย่างเวลาโกรธมากๆ หน้าตึง ปวดหัว เหล่านี้ก็เป็นรูปที่เกิดจากจิตใช่ไหมครับ ก็สามารถจะระลึกได้เป็นอารมณ์ของสภาพธรรม
สุ. ค่ะ คุณวรศักดิ์ปนหรือเปล่าคะ ขณะที่กำลังรู้ว่า รูปมีสมุฏฐานอะไรบ้าง ก็คือความเข้าใจที่จะรู้ว่า รูปก็เป็นธรรม ซึ่งต้องอาศัยปัจจัยเกิดขึ้น แล้วแต่ว่าอะไรเป็นปัจจัยของรูปนั้นๆ เช่น กรรมก็เป็นปัจจัยให้รูปเกิดขึ้นได้ รูปใดเกิดเพราะกรรมเป็นปัจจัย รูปนั้นก็เป็นกัมมชรูป ถูกต้องไหมคะ
ผู้ฟัง เกิดได้ทางกายทวาร
สุ. เดี๋ยวก่อนค่ะ นี่คือการที่คุณวรศักดิ์ศึกษาให้เข้าใจว่า แม้รูปที่เกิด ก็แล้วแต่ว่า จะมีอะไรเป็นสมุฏฐาน จะมีกรรมเป็นสมุฏฐาน หรือจะมีจิตเป็นสมุฏฐาน หรือจะมีอุตุเป็นสมุฏฐาน หรือมีอาหารเป็นสมุฏฐาน เข้าใจอย่างนี้ใช่ไหมคะ จบไปตอนหนึ่ง คือ ความเข้าใจตอนนั้น ณ บัดนี้ คือ รูปที่ปรากฏ สติสัมปชัญญะสามารถเกิดขึ้นรู้รูปนั้นได้ไหม ไม่ต้องไปเกี่ยวกับสมุฏฐานใดเลยทั้งสิ้น
ผู้ฟัง ครับ พอดีฟังเรื่องโทสะแล้วมีธาตุไฟเข้ามาร่วมด้วย ก็เลยคิดสงสัยไปว่า
สุ. แต่ว่าเวลาที่พูดรูปที่เกิดจากโทสะ ไม่ใช่ขณะที่คุณวรศักดิ์ถามว่า ขณะนี้สิ่งที่ปรากฏที่เป็นรูปที่จะรู้ได้ คนละเรื่องอีกแล้วค่ะ
เพราะฉะนั้นศึกษาเรื่องใด ฟังเรื่องใด ก็คือให้เข้าใจเรื่องนั้น ขณะนี้มีสภาพธรรมที่ปรากฏ ไม่ใช่ให้ไปรู้ว่า เกิดจากสมุฏฐานใด ขณะนั้นไม่ใช่รู้ลักษณะของรูป และรูปก็ กำลังปรากฏด้วย เพราะฉะนั้นเมื่อไรที่สติสัมปชัญญะระลึก คือ กำลังรู้ตรงลักษณะของรูปนั้น จะไม่มีความคิดใดๆ ว่า รูปนั้นเกิดจากสมุฏฐานใด แต่เป็นการเริ่มที่จะรู้ลักษณะของรูปซึ่งแม้มีในขณะนี้ก็ไม่เคยรู้ว่า เป็นเพียงรูปชนิดหนึ่งที่กำลังปรากฏ
เพราะฉะนั้นอยู่ท่ามกลางธรรม ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ แต่ไม่รู้ตามความเป็นจริง แต่ว่าขณะนี้รูปมีกำลังปรากฏ
ผู้ฟัง ตอนที่ปวดหัว เวลาโกรธ เป็นรูปที่เกิดจากกรรมหรือเปล่าครับ หรือเกิดจากจิต จากการศึกษาพอจะทราบได้ไหมครับ
สุ. รูปที่เกิดจากสมุฏฐานใดๆ ก็ตาม มีอายุ ๑๗ ขณะจิต
ผู้ฟัง คือไม่สนใจว่า จากสมุฏฐานใดก็ช่าง แต่เป็นสิ่งที่ปรากฏ
สุ. ค่ะ สามารถรู้ได้ไหม ขณะนี้เป็นรูป แล้วไปคิดถึงสมุฏฐาน แล้วจะไม่รู้ ลักษณะของรูปว่าเป็นรูป มีรูปปรากฏทั้งทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจด้วยรับสืบต่อจากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ไม่รู้ว่าเป็นรูป ทั้งๆ ที่การฟังก็รู้ว่า รูปธรรมปรากฏได้ในวันหนึ่งๆ ก็ทางตา ทางหู ทั้งๆ ที่อย่างนี้มีรูปกำลังปรากฏ ก็ไม่ได้รู้ ลักษณะของรูป เพราะความเข้าใจไม่มั่นคงพอที่จะรู้ว่า ขณะนี้ไม่รู้อะไร คือ ไม่รู้ความจริงของสิ่งที่ปรากฏ
เพราะฉะนั้นถ้าฟังแล้วก็มีความเข้าใจว่า การเข้าใจลักษณะของธรรม ไม่ต้องคิดว่าเป็นรูป หรือเป็นนามเลยก็ได้ ใช่ไหมคะ เพราะเพียงแต่รู้ว่า ขณะนั้นเป็นธรรม มีลักษณะอย่างนั้น ไม่ต้องไปพยายามค้นหาว่า ขณะนั้นเป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรม เพราะถ้าเป็นการค้นหา ขณะนั้นไม่ใช่เป็นการรู้ลักษณะที่เป็นรูป ไม่ใช่รู้ลักษณะที่เป็นนาม กำลังพยายามที่จะนึกถึงที่เคยได้ยินได้ฟัง พยายามที่จะใส่ชื่อว่า นามต้องมีลักษณะอย่างนี้ คือ ไม่มีรูปร่างใดๆ เลยทั้งสิ้น นั่นกำลังไปนึกเรื่องราวของสภาพธรรม แต่ขณะที่มีธรรมปรากฏ และขณะนั้นสติรู้ตรงลักษณะนั้น มีสภาพที่กำลังรู้ตรงลักษณะนั้น ก็ไม่ต้องไปคิดถึงคำว่า นาม ไม่ต้องไปคิดถึงคำว่า รูป ลักษณะนั้นต่างกันเองค่ะ ลักษณะที่เป็นรูป ก็เป็นรูป ลักษณะที่เป็นนาม ก็เป็นนาม โดยไม่ต้องไปนั่งเปรียบเทียบ ไม่ต้องไปคิดเป็นชื่อต่างๆ แต่การที่รู้ลักษณะ ค่อยๆ เข้าใจลักษณะก็ต่างกัน อย่างขณะนี้แข็งกำลังปรากฏ หลงลืมสติ ก็คือไม่มีการรู้ตรงลักษณะแข็ง แต่เวลาที่ไม่มีอย่างอื่นเลยทั้งสิ้น ไม่คิดนึก ไม่ทำอะไร แต่กำลังรู้ตรงลักษณะแข็ง ลักษณะแข็งมีจริงๆ ให้รู้ ถ้ารู้ตรงนั้น รู้ความจริง ภายหลังก็จะรู้ลักษณะของนามธรรม หรือรูปธรรมอื่นๆ เพราะรู้ตรงลักษณะของแต่ละสภาพธรรม โดยเข้าใจถูกต้องว่า เป็นสภาพธรรม และความต่างของสภาพธรรมที่สติระลึกนั่นเอง ก็จะทำให้สามารถเห็นความต่างว่า ลักษณะที่เป็นนามธรรมไม่ใช่ลักษณะที่เป็นรูปธรรม
การศึกษาให้เข้าใจสภาพธรรมจริงๆ จากขั้นฟัง ในขณะที่กำลังฟังเหมือนในครั้งพุทธกาล ก็ไม่มีตำรา ไม่ได้บอกว่ามีรูปเท่าไร มีนามเท่าไร แต่ว่าสภาพธรรมที่มีในขณะนี้แหละ ที่แสดงถึงความเป็นธรรมที่ต่างกัน โดยไม่จำเป็นต้องไปนึกถึงคำหรือชื่อ
ผู้ฟัง อันนั้นต้องเป็นพระปัญญาของพระพุทธเจ้าใช่ไหมครับที่จะรู้รูปที่ไม่ใช่โคจรรูป
สุ. โคจรรูปคืออะไรคะ
ผู้ฟัง รูปทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย จิต รูป อันนี้คือ
สุ. เกิดหรือเปล่า
ผู้ฟัง เกิดครับ
สุ. ถ้าไม่เกิด ไม่ปรากฏ และประจักษ์การเกิด และดับหรือยัง
ผู้ฟัง ยังครับ
สุ. เพราะฉะนั้นที่กล่าวว่า สภาพธรรมเกิดดับจะเอาสภาพธรรมอะไรมาเกิดดับให้รู้ ถ้าไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏ
ที่มา ...