ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ คือไม่มีกิเลสเลย
ความไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสริฐ
อะไร ประเสริฐกว่าอย่างอื่น? จะให้ทานสักเท่าไหร่ ทรัพย์สินเงินทองของคนที่ได้รับไปก็หมดได้ คนเจ็บไข้ได้ป่วยรักษาแล้วก็ยังเกิดโรคอีกได้ ไม่สิ้นสุด ใช่ไหม? แต่ว่า ถ้าให้ปัญญา ก็ประเสริฐสุด
เพราะฉะนั้น ลองคิดถึงแม้คำสั้นๆ ในพระไตรปิฎก ไม่ต้องมาก ไม่กี่คำ แต่ว่าถ้าไตร่ตรองและด้วยความเข้าใจ ก็จะรู้ถึงความลึกซึ้งของธรรมซึ่งเกี่ยวข้องกัน เช่น"ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ชาวบ้านรับรองเลย ถ้ามีเงินทองมาก มีทุกสิ่งทุกอย่าง แต่เป็นอัมพาต ไปไหนไม่ได้ ต้องนั่งนอนอยู่กับที่ ไม่ประเสริฐเลย ไม่ใช่ลาภอันประเสริฐเลย ทั้งๆ ที่มีเงินมากมาย ชาวบ้านเข้าใจเพียงเท่านั้น แต่ชาวบ้านจะเข้าใจไหม ถ้าไม่มีเหตุ คือ โรคกิเลส ผลที่เป็นอกุศลวิบากทั้งหลายทั้งหมด ทั้งในนรก เปรต อสุรกาย แม้มนุษย์ จะมีได้ไหม ถ้าไม่มีโรคกิเลสซึ่งจะเป็นเหตุให้เกิดผล คือ เห็นสิ่งที่ไม่ดี ได้ยินไม่ดี ได้กลิ่นไม่ดี ลิ้มรสไม่ดี รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสไม่ดี เจ็บไข้ได้ป่วยหนักหนาสาหัสก็ได้ ทั้งหมดนี้ เป็นเพราะโรคคือกิเลส เพราะฉะนั้น ถ้าจะ "ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ" ก็คือความไม่มีกิเลสเลย เป็นลาภอันประเสริฐ ก็ต้องเข้าใจไปจนกระทั่งถึงแม้ว่าไม่ใช่ง่ายๆ ว่า ไม่มีโรค (ทางกาย) ดีกว่าอย่างอื่น ใช่ไหม มีทรัพย์สินเงินทองแต่ไม่ได้ใช้เลย กับ มีเงินน้อยก็จริง แต่ก็มีความสะดวกสบายอะไรๆ หลายอย่างก็คงจะดีกว่ามีเงินมากๆ แต่ว่าทำอะไรไม่ได้เลย ต้องนอนอยู่บนเตียงตลอดทุกเดือนทุกปีอย่างนี้ ใช่ไหม? เข้าใจเพียงเท่านี้ ไม่เท่ากับ รู้ไหมว่าเพราะอะไรและโรคจริงๆ คือ อะไร เพราะฉะนั้น ลาภอันประเสริฐคือ ความไม่มีโรค ก็คือ ไม่มีกิเลสเลย นั่นแหละจึงจะสามารถที่จะเป็นลาภอันประเสริฐจริงๆ ได้