ขัลลาติยเปติวัตถุ และ อภิชชมานเปตวัตถุ
ในเรื่องของผู้ที่ทุศีล เปรตจะไม่ได้รับอุทิศส่วนกุศล ก็น่าจะสงสัยเหมือนกันว่า ถ้าในบางแห่ง บางสถานที่ ไม่มีพระภิกษุสงฆ์ผู้ทรงศีลจะทำอย่างไร เพราะว่าในครั้งนั้นดูเหมือนเปรตมาปรากฏบ่อยๆ เป็นกาลสมบัติ เป็นกาลที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผู้ที่ทรงศีล สมควรแก่ทักษิณา แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ได้ แต่ว่าในบางแห่ง ในบางประเทศในบางถิ่นที่ไม่มีพระภิกษุจะเกื้อกูลแก่ญาติผู้ล่วงลับ อย่างไรจะอุทิศส่วนกุศลให้ได้ หรือไม่ได้
ข้อความในพระไตรปิฎกมีว่า
ถึงแม้ว่าผู้ทรงศีลนั้นมิใช่ภิกษุ ก็สามารถที่จะให้วัตถุเป็นทาน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เปรตก็ได้
ขุททกนิกาย เปตวัตถุ ขัลลาติยเปติวัตถุ มีข้อความว่า
หัวหน้าพ่อค้าถามหญิงเปรตตนหนึ่งว่า
ท่านเป็นใครหนอ อยู่ภายในวิมานนี้ ไม่ออกจากวิมานเลย ดูกร นางผู้เจริญเชิญท่านออกมาเถิด ข้าพเจ้าจะขอดูท่านผู้มีฤทธิ์
นางเวมานิกเปรตฟังคำถามดังนั้นแล้ว จึงกล่าวว่า
ข้าพเจ้าเป็นหญิงเปลือยกาย มีแต่ผมปิดบังไว้ กระดากอายที่จะออกไปภายนอก ข้าพเจ้าได้ทำบุญไว้น้อยนัก
พ่อค้ากล่าวว่า
ดูกร นางผู้มีรูปงาม เอาเถอะข้าพเจ้าจะให้ผ้าเนื้อดีแก่ท่าน เชิญท่านนุ่งผ้านี้แล้วจงออกมาภายนอก เชิญออกมาภายนอกวิมานเถิด ข้าพเจ้าจะขอดูท่านผู้มีฤทธิ์มาก
นางเวมานิกเปรตตอบว่า
ผ้านั้นถึงท่านจะให้ที่มือของข้าพเจ้าเองก็ไม่สำเร็จแก่ข้าพเจ้า ถ้าในหมู่ชนนี้มีอุบาสกผู้มีศรัทธาเป็นพระสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอท่านจงให้อุบาสกนั้นนุ่งห่มผ้าที่ท่านจะให้ข้าพเจ้า แล้วอุทิศส่วนกุศลให้ข้าพเจ้า เมื่อท่านทำอย่างนั้น ข้าพเจ้าจึงจะได้นุ่งห่มผ้านี้ตามปรารถนา ถึงซึ่งความสุข
พ่อค้าทั้งหลายได้ฟังดังนั้นแล้ว จึงให้อุบาสกนั้นอาบน้ำลูบไล้ แล้วให้นุ่งห่มผ้าแล้วอุทิศส่วนกุศลให้นางเวมานิกเปรตนั้น
พระสังคีติกาจารย์เมื่อจะประกาศเนื้อความนั้น จึงได้กล่าวคาถา ๓ คาถาความว่า
ก็พ่อค้าเหล่านั้น ยังอุบาสกนั้นให้อาบน้ำ ลูบไล้ด้วยของหอม แล้วให้นุ่งห่มผ้าแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้นางเวมานิกเปรตนั้น ในทันตาเห็นนั้นเอง วิบากย่อมบังเกิดขึ้นแก่นางเวมานิกเปรตนั้น โภชนะ เครื่องนุ่งห่ม และน้ำดื่ม ย่อมบังเกิดขึ้น นี่เป็นผลแห่งทักษิณา ลำดับนั้น นางมีสรีระบริสุทธิ์ นุ่งห่มผ้าสะอาด งามดีกว่าผ้าแคว้นกาสี เดินยิ้มออกมาจากวิมานประกาศว่า นี้เป็นผลแห่งทักษิณา
พ่อค้าเหล่านี้ถามว่า
วิมานของท่านงดงาม มีรูปภาพวิจิตรดี สว่างไสว ดูกร นางเทพธิดา พวกข้าพเจ้าถามแล้ว ขอท่านจงบอก นี้เป็นผลแห่งกรรมอะไร
นางเทพธิดานั้นตอบว่า
เมื่อข้าพเจ้าเป็นมนุษย์อยู่นั้น มีจิตเลื่อมใส ได้ถวายแป้งคั่วอันเจือด้วยน้ำมันแก่ภิกษุผู้เที่ยวบิณฑบาตมีจิตซื่อตรง ข้าพเจ้าเสวยวิบากแห่งกุศลกรรมนั้นในวิมานนี้สิ้นกาลนาน ก็ผลบุญนั้นเดี๋ยวนี้ยังเหลือนิดหน่อย พ้นจาก ๔ เดือนไปแล้ว ข้าพเจ้าจักจุติจากวิมานนี้จักไปตกนรกอันเร่าร้อนสาหัส มี ๔ เหลี่ยม ๔ ประตู จำแนกเป็นห้องๆ ล้อมด้วยกำแพงเหล็ก ครอบด้วยแผ่นเหล็ก พื้นนรกนั้นล้วนเป็นเหล็กแดงลุกเป็นเปลวเพลิง ประกอบด้วยความเร่าร้อนแผ่ไปตลอด ๑๐๐ โยชน์โดยรอบ ตั้งอยู่ทุกเมื่อ ข้าพเจ้าจะต้องเสวยทุกขเวทนาในนรกนั้นตลอดกาลนาน ก็การเสวยทุกข์เช่นนี้เป็นผลแห่งกรรมชั่ว ฉะนั้น ข้าพเจ้าจึงเศร้าโศกที่จะไปเกิดในนรกนั้น
จบขัลลาติยเปติวัตถุที่ ๑๐
ท่านก็ได้รู้เรื่องของเปรต และการอุทิศส่วนกุศลไปให้เปรต ถ้าท่านบังเอิญเห็นเปรต อย่ากลัว แต่ควรเกิดกุศลจิตรู้ว่า ภพนั้นมีจริง และควรที่จะได้กระทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้
สำหรับเรื่องการให้วัตถุแก่อุบาสกผู้มีศรัทธา ใน ขุททกนิกาย เปตวัตถุ จูฬวรรคที่ ๓ อภิชชมานเปตวัตถุ มีข้อความว่า
โกสิยมหาอำมาตย์ได้ให้ข้าวสัตตูและคู่ผ้าแก่อุบาสก แล้วอุทิศส่วนกุศลแก่เปรต ซึ่งเปรตก็ได้รับอุทิศส่วนกุศลนั้น
ที่มา ...