มัณฑูกเทวปุตตวิมาน


        เรื่องของจิตที่ผ่องใส เป็นกุศลก่อนจุติ

        ขุททกนิกาย วิมานวัตถุ มหารถวรรคที่ ๕ มัณฑูกเทวปุตตวิมาน มีข้อความว่า

        พระผู้มีพระภาคตรัสถามมัณฑูกเทพบุตรว่า

        ใครมีวรรณะงามยิ่งนัก รุ่งเรืองด้วยฤทธิ์และยศ ยังทิศทั้งปวงให้สว่างไสว ไหว้เท้าทั้งสองของเราอยู่

        มัณฑูกเทพบุตรกราบทูลว่า

        เมื่อชาติก่อนข้าพระองค์เป็นกบ เที่ยวหาอาหารอยู่ในน้ำ เมื่อข้าพระองค์กำลังฟังธรรมของพระองค์อยู่ คนเลี้ยงโคได้ฆ่าข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงดูฤทธิ์ ยศ อานุภาพ ผิวพรรณ และความรุ่งเรืองของข้าพระองค์ผู้มีจิตเลื่อมใสครู่หนึ่งเท่านั้น

        ข้าแต่พระโคดม ก็ผู้ใดได้ฟังธรรมของพระองค์สิ้นกาลนาน ผู้นั้นพึงได้บรรลุนิพพาน อันเป็นฐานะไม่หวั่นไหว เป็นสถานที่ๆ ไปแล้วไม่เศร้าโศกเป็นแน่

        จบมัณฑูกเทวปุตตวิมาน ที่ ๑

        ตัวอย่างนี้เป็นเครื่องแสดงให้เห็นว่า ในขณะที่ใกล้จะจุติ และจิตผ่องใสด้วยความเลื่อมใส จะเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิได้ เพราะฉะนั้น ไม่ควรที่จะ ประมาท โดยเฉพาะคำของเทพบุตรที่กล่าวว่า

        ขอพระองค์ทรงดูฤทธิ์ ยศ อานุภาพ ผิวพรรณ และความรุ่งเรืองของ ข้าพระองค์ผู้มีจิตเลื่อมใสครู่หนึ่งเท่านั้น

        ข้าแต่พระโคดม ก็ผู้ใดได้ฟังธรรมของพระองค์สิ้นกาลนาน ผู้นั้นพึงได้บรรลุ นิพพาน อันเป็นฐานะไม่หวั่นไหว เป็นสถานที่ๆ ไปแล้วไม่เศร้าโศกเป็นแน่

        แม้เพียงครู่เดียวที่จิตเลื่อมใสก่อนจะจุติก็ให้ผลมาก เพราะฉะนั้น ถ้าท่านเป็นผู้ที่ฟังธรรมอยู่เป็นประจำ มีจิตเลื่อมใสเจริญกุศล เทพบุตรนั้นก็กล่าวว่า ย่อมสามารถที่จะบรรลุถึงนิพพานได้ เพราะท่านเองก็เป็นแต่เพียงผู้ที่เลื่อมใสชั่วขณะเล็กน้อยก่อนที่จะจุติ ซึ่งที่เป็นอย่างนี้เป็นเพราะเหตุว่า เรื่องของกรรมที่จะทำให้ปฏิสนธิมีหลายประเภท ถ้าไม่มีครุกรรมซึ่งเป็นกรรมหนักที่ได้กระทำแล้ว ก็เป็นโอกาสของอาสันนกรรม กรรมที่ใกล้จะจุติ ใกล้จะตาย หรือว่าถ้าไม่มีอาสันนกรรม ก็เป็นโอกาสของอาจิณณกรรม กรรมที่ทำเสมอๆ บ่อยๆ เนืองๆ แล้วแต่ว่าปกติของท่านจะเป็นผู้ที่กระทำอกุศลกรรมหรือกุศลกรรม นอกจากนั้นก็มีกตัตตากรรม คือ กรรมที่เป็นเศษของกรรมที่เหลือมา ก็ยังสามารถเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิได้

        เพราะฉะนั้น การที่จิตจะเลื่อมใส ผ่องใสเมื่อใกล้จะตายนี้ เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรจะเกื้อกูล เพราะเหตุว่าการเกื้อกูลกัน ไม่ว่าจะเป็นญาติ มิตรสหายก็ตาม ท่านควรจะเกื้อกูลทั้งในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ให้เขาเจริญกุศลยิ่งขึ้นด้วยการฟังธรรม ศึกษาธรรม เข้าใจธรรม ปฏิบัติธรรม นั่นเกื้อกูลในระหว่างที่มีชีวิต แต่ว่าในขณะที่ใกล้จะตาย ถ้าบุคคลนั้นไม่น้อมจิตไปทางกุศล ท่านก็ควรที่จะให้บุคคลนั้นได้ระลึกถึงกุศล จะเป็นการระลึกถึงทาน ถึงศีล หรือระลึกถึงสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เป็นการเตือนให้เจริญสติปัฏฐานในขณะนั้นก็ได้ ซึ่งกุศลจิตที่ผ่องใสในขณะนั้นจะเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิเกิดได้

        ท่านถามว่า ข้อที่ยังสงสัยกันอยู่ คือ แม่ไก่นั้นฟังธรรมรู้เรื่องหรือ

        จิตที่ผ่องใสเป็นกุศล กับขณะที่เป็นอกุศล เป็นลักษณะที่ต่างกัน ในขณะที่จิตของท่านผ่องใสด้วยความเลื่อมใส ด้วยกุศลจิตในเสียง โดยเฉพาะเสียงของพระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งประกอบด้วยพระมหากรุณาธิคุณ แม้ว่าแม่ไก่จะฟังไม่รู้เรื่อง กบจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ว่าเคยอบรมมาที่จิตจะเลื่อมใส ปีติในเสียงที่ประกอบด้วยกรุณาเมตตา เพราะฉะนั้น แม้ขณะนั้นเพียงเสียงที่เป็นปัจจัยให้กุศลจิตเกิดก่อนจุติ ก็ยังสามารถเป็นปัจจัยให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิได้

        ที่มา ...

        แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 277


    Tag  วิมาน  
    หมายเลข 12864
    22 พ.ย. 2566