พระทัพพมัลลบุตร
เป็นผู้ที่แต่งตั้งเสนาสนะและแจกอาหารแก่สงฆ์
ขอกล่าวถึงเรื่องของท่านพระทัพพมัลลบุตร ใน พระวินัยปิฎก จุลวรรค ภาค ๑ เรื่องพระทัพพมัลลบุตร ข้อ ๕๘๙ มีข้อความว่า
โดยสมัยนั้น พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร อันเป็นสถานที่พระราชทานเหยื่อแก่กระแต เขตพระนครราชคฤห์ ครั้งนั้นแล ท่านพระทัพพมัลลบุตรมีอายุ ๗ ปีนับแต่เกิด ได้ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัต คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งสาวกจะพึงบรรลุ ท่านได้บรรลุแล้วโดยลำดับทั้งหมด อนึ่ง ท่านไม่มีกรณียกิจอะไรที่ยิ่งขึ้นไป หรือกรณียกิจที่ทำเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องกลับสั่งสมอีก ฯ
เป็นกาลสมบัติจริงๆ ที่บุคคลใดก็ตามได้พากเพียรอบรมเจริญสติปัฏฐาน ในครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ มาแล้ว เมื่อบารมีสมควรที่จะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอรหันต์ ก็สามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ เมื่ออายุได้เพียง ๗ ปี เพราะฉะนั้น ก็ควรที่จะได้เห็นประโยชน์ของการสะสมสติปัฏฐานไปเรื่อยๆ จนกว่าปัญญาจะรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรมที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง
ข้อความต่อไปมีว่า
ครั้งนั้น ท่านพระทัพพมัลลบุตรหลีกเร้นอยู่ในที่สงัด ได้เกิดความปริวิตกแห่งใจอย่างนี้ว่า เราแลมีอายุ ๗ ปีนับแต่เกิด ได้ทำให้แจ้งซึ่งพระอรหัต คุณสมบัติอย่างใดอย่างหนึ่งซึ่งสาวกจะพึงบรรลุ เราได้บรรลุแล้วโดยลำดับทุกอย่าง อนึ่งเล่า เราไม่มีกรณียกิจอะไรที่ยิ่งขึ้นไป หรือกรณียกิจที่เราทำเสร็จแล้ว ก็ไม่ต้องกลับมาสั่งสมอีก เราควรทำความช่วยเหลือแก่สงฆ์อย่างไรหนอ ลำดับนั้น ท่านพระทัพพมัลลบุตรได้คิดว่า ผิฉะนั้น เราควรแต่งตั้งเสนาสนะ และแจกอาหารแก่สงฆ์ ฯ
ไม่ใช่ว่าไม่มีกิจที่ควรทำ ถึงแม้ว่าจะเป็นพระอรหันต์ ไม่มีกุศลกรรม อกุศลกรรมใดๆ จะให้ผลต่อไปก็จริง แต่ชีวิตที่ยังเหลืออยู่นี้ ก็ควรที่จะได้เป็นประโยชน์แก่พระศาสนา แก่พระภิกษุสงฆ์
ด้วยเหตุนี้ ท่านพระทัพพมัลลบุตรก็ได้ไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค และได้กราบทูลขอเป็นผู้ที่แต่งตั้งเสนาสนะและแจกอาหารแก่สงฆ์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ตรัสว่า
ดีละ ดีละ ทัพพะ ถ้าเช่นนั้น เธอจงแต่งตั้งเสนาสนะ และแจกอาหารแก่สงฆ์เถิด
ท่านพระทัพพมัลลบุตรทูลรับสนองพระพุทธานุญาตแล้ว ฯ
ที่มา ...