ธรรมมี แต่ต้องพิจารณาโดยละเอียด
ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นธรรมมี แต่ต้องพิจารณาโดยละเอียด และโดยค่อยๆ เข้าใจขึ้น ถ้าเราข้ามตรงนี้ และอยากจะรู้ชื่อมากๆ รู้เรื่องเยอะๆ ทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่ได้ยินแล้ว และมีปรากฏด้วย แต่ว่าไม่ได้รู้ลักษณะจริงๆ จนกระทั่งสามารถที่จะเข้าใจว่า ไม่ว่าจะเป็นสภาพธรรมใดๆ ในพระไตรปิฎกทั้งหมด ที่จะปรากฏให้รู้ได้ก็ทางตาบ้าง ทางหูบ้าง ทางจมูกบ้าง ทางลิ้นบ้าง ทางกายบ้าง ทางใจบ้าง โดยมีลักษณะแต่ละอย่างปรากฏให้เห็นความจริง ว่าลักษณะนั้นๆ เป็นสภาพธรรมแต่ละลักษณะ
ผู้ฟัง ในส่วนละเอียดของแต่ละสภาพธรรมมีอยู่แทบจะทุกลมหายใจเข้าออกเลย แต่ขาดการพิจารณา ไม่ทราบว่าเพราะอะไร
ท่านอาจารย์ เพราะยังไม่มีความเข้าใจที่มั่นคงที่จะระลึกได้ว่า ขณะนี้เป็นธรรมะ แข็งเป็นธรรมะ ก็พูดไป และแข็งก็มี แต่ว่าปัจจัยที่จะรู้ตรงแข็ง หรือยัง ในขณะที่แม้กำลังฟังเรื่องนี้ หรือแม้แต่ขณะที่กำลังเห็น เห็นจริงๆ ก็เกิดแล้วดับแล้ว และแข็งก็ปรากฏได้ ไม่ใช่ว่าต้องไม่ปรากฏเลย เพราะว่าการสืบต่ออย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นจุดประสงค์ในการฟังธรรมะ คือ ให้เห็นว่าเป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา โดยรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ ไม่ใช่ไปจำชื่อ จำเรื่อง จำหน้า จำบรรทัด จำเล่ม จำข้อความต่างๆ แต่ไม่รู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะ
เพราะฉะนั้นการฟังแต่ละครั้งก็จะรู้ได้ว่า ทั้งหมดเพื่อให้เห็นความเป็นอนัตตา ไม่ว่าจะเป็นความละเอียดของธรรมะประเภทใดก็ตาม เพื่อให้เข้าใจความเป็นอนัตตา แต่ไม่ใช่ขณะที่กำลังรู้ลักษณะ ซึ่งจะต้องเป็นอีกขั้นหนึ่ง ไม่ใช่เพียงฟังแล้วจำ แล้วก็เข้าใจได้เพียงขั้นฟังว่าเป็นอนัตตา แต่ขณะนี้ไม่ได้รู้ลักษณะของสภาพธรรมใดๆ เลย ซึ่งเป็นอนัตตาทั้งหมด นี่ก็แสดงให้เห็นว่า ฟังเรื่องสภาพธรรมแล้วก็ถามว่า ทำไมไม่รู้ลักษณะของสภาพธรรม
ที่มา ...