การสั่งสมความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้น
อ.วิชัย ขอสนทนากับคุณสุกัญญา เมื่อสักครู่นี้ที่ฟังท่านอาจารย์ ความเข้าใจของแต่ละบุคคลก็แตกต่างกัน บางบุคคลก็ฟังเข้าใจบ้าง บางบุคคลก็เข้าใจมากบ้าง น้อยบ้างตามการสะสม ฉะนั้นให้เห็นถึงกุศลจิตที่เป็นไปพร้อมกับความเข้าใจว่ามีความแตกต่างกัน ฉะนั้นบุคคลที่เคยสะสมปัญญามาที่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาก ก็แสดงว่ามีการสั่งสมมาที่จะเข้าใจในสิ่งนั้นมากขึ้น ค่อยๆ เจริญขึ้น ฉะนั้นแต่ก่อนที่เริ่มฟังใหม่ๆ กับขณะที่ฟังนานแล้วก็แตกต่างกัน ในขณะจิตที่เป็นไปแม้จะคิดเรื่องของคำถามก็ตาม ก็มีการปรุงแต่งแล้ว มีการเกิดขึ้นแล้วที่จะให้มีการคิด การพิจารณา การไตร่ตรองถามออกมาในสิ่งที่ต้องการจะเข้าใจสิ่งที่ถูกต้อง จะเห็นถึงความเป็นไปของสภาพธรรมทั้งหมดเลย ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มฟังในสิ่งที่มีจริงๆ เพราะเหตุว่าความละเอียดของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเป็นสิ่งที่ลึกซึ้ง แต่ความรู้ความเข้าใจที่เจริญขึ้นนั้นเองจะค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่มีจริงๆ ขณะนี้ คือ ความจริงก็ไม่เปลี่ยนแปลง แต่การสั่งสมความเข้าใจค่อยๆ เพิ่มขึ้น ก็จะเห็นความละเอียดของสภาพธรรมมากขึ้น
เพราะฉะนั้น แสดงให้เห็นว่า การเกิดขึ้นของจิตเป็นไปเป็นอนัตตาทั้งหมด บังคับไม่ได้ให้เข้าใจมากๆ หรือห้ามความเข้าใจไม่ให้เกิดขึ้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นตามเหตุปัจจัยที่สั่งสมมาที่จะเข้าใจ ค่อยๆ เจริญขึ้นในสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง โดยมากก็จะหลงลืมว่า ธรรมะเป็นอนัตตา จะมีความคิดเรื่องราวต่างๆ อย่างเช่น คิดถึงเรื่องของสภาพธรรมไม่พ้นไปจากตัวเราเอง ฉะนั้นสิ่งที่มีจริงๆ ที่จะให้ปัญญาเข้าใจได้ ก็หมายความว่าเป็นสิ่งที่กำลังปรากฏอยู่ขณะนี้ ไม่ใช่รู้ในสิ่งที่ไม่ปรากฏ ฉะนั้นจะเข้าใจมากขึ้นก็คือในขณะนี้นี่เอง แต่ปัญญาที่จะเกิดขึ้นเข้าใจถูกเจริญขึ้น ก็ต้องอาศัยการฟังเรื่องของความละเอียดของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ขณะนี้ จนกว่าปัญญาจะค่อยๆ เจริญขึ้น ที่จะน้อมไปรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ จากสิ่งที่ได้ยินได้ฟัง เพราะฉะนั้น การฟังก็เป็นเหตุเป็นปัจจัยปรุงแต่งให้ปัญญาเกิดขึ้น เริ่มเข้าใจในธรรมะที่มีจริงๆ กำลังปรากฏ บุคคลนั้นก็สามารถสั่งสมความเข้าใจถูกได้ว่า ขณะนั้นเป็นขั้นของความเข้าใจขั้นการฟัง โดยเริ่มรู้ และเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฏมากขึ้น
ที่มา ...