อบาย ทุคติ วินิบาต
ในคราวก่อนได้กล่าวถึงเรื่องภูมิ ซึ่งเป็นอบายภูมิ ผลของอกุศลกรรมเมื่อทำให้ปฏิสนธินั้น ก็ทำให้เกิดในอบายภูมิ ๔ คือ นรก ๑ ดิรัจฉาน ๑ เปรต ๑ อสุรกาย ๑
ใน มโนรถปุรณี อรรถกถาอังคุตตรนิกาย จตุกนิบาต มหาวรรค อธิบายคำว่า อบาย ว่าได้แก่ นรก ดิรัจฉาน เปรตวิสัย อสุรกาย และมีข้อความอธิบายว่า จริงอยู่ทั้งหมดนี้เรียกว่า อบาย เพราะไม่มีความเจริญ เรียกว่า ทุคติ เพราะเป็นทางแห่งทุกข์ เรียกว่า วินิบาต เพราะพลาดจากความพอกพูนขึ้นแห่งความสุข
สำหรับเรื่องของ อสุรกาย มีกล่าวไม่มากในกำเนิดของอบาย เพราะว่าในกำเนิดของอบายภูมินั้น มักจะกล่าวถึงนรก สัตว์ดิรัจฉาน ปิตติวิสัย ที่เป็นอย่างนี้เพราะเหตุว่า สำหรับภูมิอสุรกายนั้น รวมอยู่ในพวกเปรตบ้าง รวมอยู่ในพวกเทพบ้าง เป็นภูมิที่ไม่แน่นอน หมายความว่า อสุรกายบางประเภท บางจำพวก ก็เป็นพวกเปรต บางจำพวกก็เป็นพวกเทพ แต่ข้อความในพระไตรปิฎกบางตอน ก็กล่าวถึงอสุรกายด้วย เช่น ใน ทีฆนิกาย ปาฏิกวรรค พระผู้มีพระภาคตรัสกับปริพาชก ชื่อภควโคตรว่า พระองค์ทรงพยากรณ์อเจลกะชื่อโกรักขัตติยะ ให้สุนักขัตตะโอรสเจ้า ลิจฉวีฟังว่า โกรักขัตติยะจักบังเกิดในเหล่าอสูรชื่อกาลกัญชิกา ซึ่งเลวกว่าอสุรกายทั้งปวง และมีข้อความอธิบายเรื่องกำเนิดของอสูร หรืออสุรกาย พวกกาลกัญชิกาว่า
อสูรพวกนี้มีตัวสูง ๓ คาวุต มีเนื้อ และโลหิตน้อย เช่นใบไม้แก่ มีตาติดบนศีรษะคล้ายตาของปู มีปากเท่ารูเข็มบนศีรษะ
ซึ่งข้อความใน สัมโมหวิโนทนี อรรถกถาพระวิภังคปกรณ์ ก็มีข้อความเรื่องของอสุรกาย พวกกาลกัญชิกานี้ด้วย
ในกำเนิดของอบายภูมิ ซึ่งเป็นผลของอกุศลกรรมนั้น หนักที่สุด คือ นรก เกิดเป็นดิรัจฉานดีกว่านรก เพราะเหตุว่าไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากมายสาหัสอย่างสัตว์ในนรก แต่ว่าพวกเปรตวิสัย คือ พวกเปรตดีกว่าสัตว์ดิรัจฉาน เพราะเหตุว่าสามารถที่จะรู้กรรม และอนุโมทนาในส่วนกุศลที่บุคคลอื่นอุทิศให้ เมื่อได้อนุโมทนาในส่วนกุศลที่บุคคลอื่นอุทิศให้แล้ว ก็มีโอกาสที่จะพ้นกรรม และได้สมบัติอันเป็นทิพย์ พ้นจากสภาพของความเป็นเปรต ฉะนั้น ก็ดีกว่าสัตว์ดิรัจฉาน
ที่มา ...