ปฏิบัติแบบไหนถึงจะพ้นทุกข์ได้เร็ว
พระคุณเจ้า ปฏิบัติแบบไหนถึงจะพ้นทุกข์ได้เร็ว
ท่านอาจารย์ ถ้ากิเลสน้อย เบาบาง และปัญญาที่ได้อบรมมาแล้วมีมาก ก็พ้นทุกข์ได้เร็ว เป็นบุคคลประเภทอุคฆฏิตัญญู หรือวิปัญจิตัญญู แต่ถ้าปัญญายังไม่ได้อบรมมาเพียงพอที่จะรู้ธรรมได้เร็ว ก็จะต้องสะสมอบรมให้เกิดปัญญาที่รู้ในลักษณะของสภาพธรรมถูกต้อง ชัดเจน ตรงตามความเป็นจริงยิ่งขึ้น
พระคุณเจ้า ที่ปฏิบัติอยู่ คือ ปฏิบัติรูปนั่ง รูปนอน รูปยืน รูปเดิน ถูกไหม
ท่านอาจารย์ ปฏิบัติอย่างไร รูปนั่ง รูปนอน รูปยืน รูปเดิน
พระคุณเจ้า เดินไป ก็ดูรูปเดิน
ท่านอาจารย์ สภาพธรรมที่ปรากฏให้รู้ในความเป็นอนัตตาตามความเป็นจริงนั้น รู้ได้แต่ละทาง แต่ละลักษณะ ทางตารู้ว่า สิ่งที่กำลังปรากฏเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่ปรากฏทางตาเท่านั้น ทางหู เสียงเท่านั้นปรากฏ สีสันวัณณะปรากฏไม่ได้
พระคุณเจ้า สมมติว่า รูปนั่ง
ท่านอาจารย์ แต่สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้นคืออะไร รู้ได้ทางไหน ขณะที่ยืน สภาพที่อ่อนที่แข็งปรากฏ สภาพที่อ่อนที่แข็งที่ปรากฏมีลักษณะเพียงอ่อนเพียงแข็ง ทำไมจะต้องมีรูปสมมติ ทำไมไม่รู้รูปที่กำลังปรากฏ ซึ่งสามารถให้ความจริงได้
พระคุณเจ้า. ...
ท่านอาจารย์ ที่ปรากฏแล้ว คือ อ่อนหรือแข็งปรากฏทางกาย สีสันวัณณะปรากฏทางตา เสียงปรากฏทางหู กลิ่นปรากฏทางจมูก รสปรากฏทางลิ้น
พระคุณเจ้า ...
ท่านอาจารย์ อะไรเป็นของจริง
พระคุณเจ้า รูปที่ปรากฏ
ท่านอาจารย์ รูปอะไรปรากฏ
พระคุณเจ้า ...
ท่านอาจารย์ เมื่อรูปแข็ง รูปอ่อนปรากฏ เป็นของจริง ก็ระลึกรู้แข็งหรืออ่อนที่ปรากฏ โดยความเป็นอนัตตา
ทุกคนสามารถที่จะระลึกรู้สภาพที่อ่อนหรือแข็งที่กำลังปรากฏอยู่ในขณะนี้ เวลานี้มีใครบ้างที่รูปอ่อนแข็งไม่ปรากฏ ซึ่งตามปกติธรรมดาแล้ว ทุกคนสามารถที่จะรู้ลักษณะของรูปอ่อนหรือแข็งที่ปรากฏได้ เพราะว่าเป็นของจริง เป็นสภาวธรรม เป็นปรมัตถธรรม แต่ว่าเคยยึดถือสภาพที่อ่อนที่แข็งนั้นว่า เป็นตัวตน เป็นเรา เป็นของเรา ด้วยเหตุนี้จึงจะต้องระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่มีลักษณะปรากฏจริงๆ ไม่ควรจะไปหารูปที่ไม่จริง
ขณะที่ทางตากำลังเห็น ทางหูกำลังได้ยิน ทางจมูกกำลังรู้กลิ่น ทางลิ้นกำลังลิ้มรส ทางกายกำลังรู้โผฏฐัพพะ เป็นปรมัตถธรรม เป็นของที่ปรากฏจริงๆ ทำไมจึงไม่ระลึกรู้ แต่กลับไปนึกเป็นท่าทาง
เวลาที่ท่านใช้คำว่า รูปนั่ง ท่านหมายความว่า เป็นท่านั่งใช่ไหม เวลานี้กำลังนั่งอยู่ สติเกิดได้ไหม ถ้าเกิดได้ ที่กล่าวว่า สติรู้รูปนั่งนั้น คือรูปอะไร
พระคุณเจ้า รูปอ่อน
ท่านอาจารย์ รูปอ่อน ก็ไม่ใช่รูปนั่งแล้ว เวลาที่กำลังปฏิบัติ หมายความว่าสติเกิด ขณะนี้สติก็เกิดได้ ชื่อว่ากำลังปฏิบัติได้ไหม ถ้าสติเกิดขณะนี้
พระคุณเจ้า . ...
ท่านอาจารย์ ยังไม่เกิดดับ เพราะว่าปัญญาจะต้องรู้ลักษณะของนามธรรมที่ไม่ใช่รูปธรรมเสียก่อน เพราะฉะนั้น ยังประจักษ์การเกิดดับไม่ได้
ปัญญาต้องเกิดขึ้นเป็นลำดับขั้น ตั้งแต่นามรูปปริจเฉทญาณ ถ้านามรูปปริจเฉทญาณยังไม่เกิด จะเป็นปัญญาขั้นอุทยัพพยญาณที่ประจักษ์การเกิดดับไม่ได้
เสียงกับได้ยินต่างกันอย่างไร ถ้าเสียงกับได้ยินไม่ต่างกัน ก็ยังไม่ใช่นามรูปปริจเฉทญาณ
ถ้ายังไม่เข้าใจ หมายความว่า ต้องอบรมจนกระทั่งมีปัญญาที่รู้ในความต่างกันของเสียงกับได้ยินเสียก่อน
เพราะฉะนั้น การที่จะอบรมปัญญาให้สามารถรู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรม และดับกิเลสได้ ต้องเป็นการอบรมปัญญาที่รู้ทั่ว ทั้งในลักษณะของรูปธรรม และนามธรรม ถ้ายังไม่รู้ทั่ว ก็ยังไม่ถึงการเกิดดับ
เสียงต่างกับได้ยินอย่างไร ถ้าไม่ต่างกัน ก็ไม่ใช่ปัญญา เพราะว่าเสียงไม่ใช่ได้ยิน และได้ยินก็ไม่ใช่เสียง ที่กล่าวว่า ได้ยินไม่ใช่เสียง ก็เพราะว่าเป็นสภาพธรรมที่เป็นแต่เพียงธาตุรู้ อาการรู้ในเสียงที่กำลังปรากฏ และเสียงไม่ใช่ได้ยิน ก็เพราะว่าเป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่มีจริง และปรากฏทางหู แต่เสียงไม่ใช่สภาพรู้ เพราะฉะนั้น เสียงไม่ใช่ได้ยินแน่นอน
พระคุณเจ้า ...
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่เข้าใจ แต่ต้องเป็นปัญญาที่รู้ชัด ถ้าปัญญาไม่รู้ชัดจะตอบว่า เสียงไม่ต่างกับได้ยิน
อบรมเจริญอย่างไร จึงจะประจักษ์ลักษณะของรูปธรรมโดยความต่างกับ นามธรรมในขณะที่กำลังปรากฏ ถ้าเพียงเข้าใจว่า ลักษณะไหนเป็นนามธรรม ลักษณะไหนเป็นรูปธรรมโดยชื่อ และคิดว่าเป็นปัญญาแล้ว แต่ความจริงยังไม่ใช่ ยังไม่เป็นปัญญาที่เป็นขั้นภาวนาปัญญา ซึ่งจะต้องอบรมจนกว่าจะประจักษ์จริงๆ
ที่มา ...