ไม่มีใครสามารถยับยั้งผลของกรรม


    นอกจากนั้น ชีวิตในวันหนึ่งๆ ซึ่งเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว ทำให้มี การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสต่างๆ ก็ยังไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่า ผลของกรรมใดจะให้ผลในขณะใด เพราะว่าอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้ว และกุศลกรรมที่ทำไว้แล้ว เป็นปัจจัยให้มีการเห็น การได้ยิน การ ได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกาย และอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว เวลาที่มีเหตุมีปัจจัยถึงกาลที่ควรจะให้ผลเกิดขึ้น ผลนั้นก็เกิดขึ้นโดยที่ไม่มีใครสามารถยับยั้งได้ ตลอดจนกระทั่งถึงกาลที่จะปรินิพพาน เพราะแม้บุคคลที่ได้สะสมบุญกุศลจนสามารถบรรลุเป็นพระอรหันต์ ก็ยังไม่สามารถพ้นจากผลของอดีตอกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้ว

    เพราะฉะนั้น ถ้าคิดถึงชีวิตของแต่ละคน ซึ่งอาจจะมีความทุกข์ทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ก็ให้ทราบว่า ต้องมีเหตุที่ได้กระทำแล้ว และ ตราบใดที่มีชีวิตอยู่ในสังสารวัฏฏ์ อกุศลกรรมที่ได้กระทำแล้วจะทำให้อกุศลวิบากจิตเกิด เห็นสิ่งที่ไม่ดีทางตา ได้ยินเสียงที่ไม่ดีทางหู ได้กลิ่นที่ไม่ดีทางจมูก ลิ้มรสที่ไม่ดีทางลิ้น กระทบสัมผัสสิ่งที่ไม่สบายทางกาย ตลอดไปจนถึงกาลที่จะปรินิพพาน โดยที่ไม่มีใครสามารถยับยั้งได้

    เช่น ท่านพระปูติคัตตติสสเถระ ท่านเป็นโรคฝีทั่วตัว จนกระทั่งร่างกายเน่า และจีวรเปื้อนด้วยเลือด และน้ำหนอง เมื่อภิกษุทั้งหลายทอดทิ้งท่าน พระผู้มีพระภาคทรงทราบก็เสด็จไปอนุเคราะห์ เมื่อภิกษุทั้งหลายเห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จไป ก็ได้ช่วยพระผู้มีพระภาคพยาบาลท่านพระปูติคัตตติสสะ โดยให้ท่านสรงน้ำร้อน และช่วยกันเปลี่ยนจีวรให้ท่านสะอาดกาย สบายใจ ตามรับสั่งของพระผู้มีพระภาค เมื่อท่าน พระปูติคัตตติสสเถระพร้อมที่จะฟังพระธรรม พระผู้มีพระภาคก็ทรงแสดงธรรม เมื่อจบพระธรรมเทศนา ท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ และปรินิพพาน

    เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังควรที่จะระลึกถึงการไม่ทำอกุศลกรรมใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะว่าอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตอนันตชาติ ยังพร้อมที่จะให้ผลได้ เมื่อถึงกาลที่จะให้ผลนั้นๆ เกิด ซึ่งพระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงอดีตชาติของท่าน พระปูติคัตตติสสเถระว่า

    ในครั้งศาสนาของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่ากัสสปะนั้น ท่าน พระปูติคัตตติสสะเกิดเป็นพรานนก ฆ่านกขาย นกที่เหลือขายนั้นก็หักกระดูกขา และกระดูกปีกทิ้งไว้เป็นกองๆ ไม่ให้บินไปได้ เพราะถ้าจะฆ่าให้ตาย นกพวกนั้นก็จะ เน่าเสีย ตอนเช้าก็เอานกที่หักปีกหักขาเหล่านั้นไปเที่ยวขายอีก เหลือจากนั้นก็ทำอาหารบริโภคตามต้องการ

    วันหนึ่ง เมื่อพรานนกนั้นทำอาหารเสร็จแล้ว พระอรหันต์องค์หนึ่งได้เที่ยวบิณฑบาตไปถึงบ้านของนายพรานนก นายพรานนกเกิดความเลื่อมใสจึงได้ถวายอาหารบิณฑบาต และตั้งความปรารถนาที่จะได้บรรลุธรรม ซึ่งในชาติสุดท้ายท่านก็ได้บรรลุธรรม แต่ว่าอดีตอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้ ทำให้ท่านเป็นโรคฝีทั่วตัว จนร่างกายเน่า

    และสำหรับการสงเคราะห์อนุเคราะห์สงฆ์นั้น พระผู้มีพระภาคมิได้ทรงสงเคราะห์เพียงการแสดงธรรมเท่านั้น พระผู้มีพระภาคยังทรงอนุเคราะห์ภิกษุผู้ป่วยไข้ ที่ขาดผู้ดูแลพยาบาล และแม้ในกิจเล็กๆ น้อยๆ ของภิกษุสงฆ์ เช่น ใน สังยุตตนิกาย สคาถวรรค อรรถกถาอนุรุทธสูตร มีข้อความว่า

    ขณะที่พระเถระ ๓ รูป คือ ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ และท่านพระอนุรุทธะ ช่วยกันทำจีวรของท่านพระอนุรุทธะนั้น แม้พระผู้มีพระภาคเอง ก็ทรงร้อยเข็มประทานให้

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่ศึกษาธรรม และพิจารณาโดยละเอียด ย่อมจะเห็นประโยชน์ของการที่จะไม่ละโอกาสแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่จะกระทำกุศล เพียงการร้อยเข็มให้ ก็เป็นการกระทำจากกุศลจิต ถ้าได้ฟังว่า แม้พระผู้มีพระภาคเอง ก็ทรงสงเคราะห์อนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์ ไม่ว่าจะเป็นการทรงแสดงธรรม หรือการพยาบาลภิกษุไข้ หรือแม้ในกิจเล็กๆ น้อยๆ ก็จะไม่ละเลยต่อการที่จะอบรมเจริญกุศล เพราะว่าอกุศลใน วันหนึ่งๆ นั้น ย่อมเกิดมากกว่ากุศล


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1506


    หมายเลข 13063
    11 ก.ย. 2567