เข้าผลสมาบัติ


    ถ. ที่ท่านเข้าผลสมาบัติ จะเข้าได้เฉพาะผู้ที่สำเร็จมรรคผลเท่านั้น ใช่ไหม

    สุ. แน่นอน และต้องเป็นผู้ที่ได้ฌานสมาบัติด้วย ถ้าเป็นพระโสดาบันหรือพระสกทาคามี พระอนาคามี พระอรหันต์ ซึ่งไม่ได้ฌานสมาบัติ ก็เข้าผลสมาบัติไม่ได้ เพราะว่าความต่างกันของผลสมาบัติ และฌานสมาบัติ คือ ผู้ที่ไม่ใช่พระอริยบุคคล สามารถอบรมเจริญความสงบของจิตจนกระทั่งถึงอัปปนาสมาธิเป็นฌานจิต และถ้ามีความคล่องแคล่ว ก็สามารถเข้าฌานออกฌานได้รวดเร็วตามที่ต้องการ

    แต่สำหรับผู้ที่เป็นพระอริยบุคคล แทนที่จะเป็นอารมณ์ของฌานสมาบัติ ผลจิตเกิด แล้วแต่ว่าท่านจะเป็นพระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามี หรือ พระอรหันต์ ถ้าท่านเป็นพระโสดาบันบุคคลอย่างท่านพระอานนท์ ผลสมาบัติของท่านพระอานนท์ คือ โสตาปัตติผลจิตเกิดมีนิพพานเป็นอารมณ์ โดยไม่มีจิตอื่นคั่น ระหว่างที่เป็นผลสมาบัติ

    ปกติธรรมดาจิตเกิดขึ้นเป็นปริตตธรรม เป็นธรรมชั่วขณะสั้นๆ เล็กๆ น้อยๆ ขณะที่ทางตาเห็นก็สั้นมาก เพียงรูปเกิดมีอายุเท่ากับจิต ๑๗ ขณะ รูปนั้นก็ดับ และ จะมีรูปนั้นต่อไปอีกไม่ได้ เพราะว่ารูปใดที่ดับไปแล้ว รูปนั้นไม่กลับมาเกิดอีก เพราะฉะนั้น ในขณะที่กำลังเห็นบ้าง ได้ยินบ้าง เหล่านี้ เมื่อวิถีจิตเกิดขึ้นเห็นทางตาวาระหนึ่ง ดับไปแล้ว ภวังคจิตเกิดคั่น มโนทวารวิถีจิตเกิดต่อ และภวังคจิตเกิดคั่น ซึ่งเป็นไปโดยรวดเร็วมาก แต่ผู้ที่สามารถอบรมความสงบของจิตจนกระทั่งฌานจิตเกิด สามารถมีฌานจิตเกิดดับสืบต่อกันโดยไม่มีภวังค์เกิดคั่นเลยตามที่กำหนด ที่เรียกว่า ฌานสมาบัติ

    . ผู้ที่จะเข้าผลสมาบัติได้ สมมติว่าเป็นพระอรหันต์ก็ ...

    สุ. ก็อรหัตตผลจิตเกิด

    . ผู้ที่เป็นพระอรหันต์ และได้ฌานจิตด้วย เวลาเข้าผลสมาบัติ ท่านก็เข้าอรหัตตผลสมาบัติ

    สุ. ตามฌานที่ท่านได้

    . ไม่ใช่เข้าย้อนหลังตั้งแต่โสตาปัตติผล ใช่ไหม

    สุ. ท่านจะกลับไปเป็นพระโสดาบันอีกไม่ได้ ปุถุชนยังไม่ได้ดับกิเลส แต่พระอริยบุคคล คือ บุคคลที่อบรมเจริญปัญญาดับกิเลสเป็นสมุจเฉท เพราะฉะนั้น จะกลับไปมีกิเลสอย่างเดิมที่ไม่ดับไม่ได้ ฉันใด เวลาที่ท่านเป็นพระสกทาคามีบุคคล ท่านจะกลับไปเป็นพระโสดาบันบุคคลอีกไม่ได้ เพราะได้ดับกิเลสเป็น พระสกทาคามีบุคคลแล้ว เพราะฉะนั้น พระอนาคามีบุคคลจะมีโสตาปัตติผลจิต เกิดอีกไม่ได้ มีสกทาคามิผลจิตเกิดอีกไม่ได้ พระอรหันต์ก็เช่นเดียวกัน และสำหรับพระอรหันต์ ฌานสมาบัติของท่านเป็นกิริยา ไม่ใช่เป็นกุศล

    . ท่านพระสารีบุตรเข้าผลสมาบัติ และปรินิพพานในผลสมาบัตินั้นหรือ

    สุ. ไม่ใช่ เวลาที่กำลังเป็นผลสมาบัติอยู่ จุติจิตเกิดไม่ได้ ต้องออกจากฌานก่อน ขณะที่กำลังเห็น ปัญจทวาราวัชชนจิตเกิด และดับไป จักขุวิญญาณเกิด และดับไป จะให้จุติเกิดแทรกคั่นไม่ได้เลย

    . ในระหว่างเข้าสมาบัติ

    สุ. วิถีจิตทั้งหลาย ตามปกติธรรมดาจะจุติไม่ได้


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 1504


    หมายเลข 13074
    13 ก.ย. 2567