มารดาของท่านพระสารีบุตร บรรลุธรรม
ถ . ที่ท่านพระสารีบุตรแสดงธรรมแก่อุบาสิกามารดาของท่าน ท่านแสดงเรื่องพระพุทธคุณว่า อิติปิโส ภควา อุบาสิกาฟังแล้วสำเร็จโสดาปัตติผล ขอให้ ท่านอาจารย์ช่วยอธิบายว่า อุบาสิกาท่านฟังอย่างไร ท่านจึงได้สำเร็จ
สุ. ถ้าแสดงเรื่องของพุทธคุณ แสดงอย่างไรจึงจะรู้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเพียงแสดงเรื่องศีล ไม่ใช่พระคุณธรรมที่จะทำให้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ถ้าเพียงแสดงเรื่องความสงบของจิตขั้นสมถภาวนา ก็ไม่เป็นทางที่จะให้รู้พระคุณของ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เพราะฉะนั้น ต้องแสดงเรื่องของสัจธรรม และการอบรมเจริญหนทางที่ทำให้รู้แจ้งอริยสัจธรรม จึงจะทำให้เห็นได้ว่า แม้เพราะเหตุนี้ แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคทรงเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้น ไม่พ้นไปจากเรื่องของสภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดง ซึ่งเมื่อผู้ใดได้ฟัง และได้อบรมเจริญปัญญามาพอที่จะเป็น พระโสดาบันบุคคล ย่อมเป็นพระโสดาบันบุคคลได้ ขึ้นอยู่กับเหตุว่า เหตุพอหรือยัง ถ้าเหตุยังไม่พอ ก็อย่าไปหวังว่า ธรรมที่ท่านพระสารีบุตรแสดงกับมารดาของท่าน เมื่อผู้ใดได้ฟังแล้วก็จะได้บรรลุมรรคผลไปด้วย ไม่ใช่อย่างนั้น แต่ขึ้นกับการสะสมอบรมปัญญาของแต่ละท่านจริงๆ
ในกาลข้างหน้า อาจจะเป็นสมัยพระผู้มีพระภาคพระองค์ต่อไป หรืออาจจะ ไม่ถึงสมัยพระผู้มีพระภาคพระองค์ต่อไป ถ้าท่านผู้ฟังได้อบรมเจริญหนทางข้อปฏิบัติ และพร้อมด้วยเหตุเมื่อไร ก็อาจจะเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้ ในระหว่างที่หมดสมัยพระผู้มีพระภาคพระองค์นี้แล้ว หรืออีก ๕,๐๐๐ ปี ซึ่งก็ยากแสนยากสำหรับผู้ที่จะ มีโอกาสได้ฟังพระธรรม และได้พิจารณาพระธรรม แต่ถ้าผู้ใดได้อบรมเจริญปัญญามาแล้ว อาจจะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ไม่ใช่ในโลกมนุษย์ก็ได้ เพราะทุกคนจะอยู่ในโลกนี้ไม่เกิน ๑๐๐ ปี เพราะฉะนั้น ก็คงจะอยู่ในภพหนึ่งภพใด และเมื่อเป็นสุคติภูมิ ก็มีโอกาสที่จะได้อบรมเจริญปัญญาต่อไป
เพราะฉะนั้น เรื่องผล ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องคำนึงถึง แต่ควรเป็นผู้ที่ตรงต่อตัวเองว่า ปัญญารู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏเพิ่มขึ้นไหม ในขณะที่สติเกิดระลึกลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
ถ . น่าสงสัยมาก ก่อนที่ท่านพระสารีบุตรจะมา มารดาของท่านยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่เลย ใช่ไหม
สุ. เพราะว่าท่านเสียใจมากที่บุตรของท่านทั้งหมดไปบวช ไม่เหลือเลย
ถ . เป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ แต่ได้ยินพระพุทธคุณเท่านั้นบรรลุ ก็ต้องสงสัย
สุ. พุทธคุณเท่านั้นอีกแล้ว ไม่ใช่เท่านั้น แต่แม้เพราะเหตุนี้ แม้เพราะเหตุนี้ ต้องแสดงถึงสภาพธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้
ถ . แม้เพราะเหตุนั้น แม้เพราะเหตุนั้น เฉพาะ ๒ คำนี้ ท่านอาจจะได้ถึง ๖๐,๐๐๐ นัย ใช่ไหม
สุ. ท่านไม่ได้แสดงซ้ำแค่ แม้เพราะเหตุนี้ แม้เพราะเหตุนี้ แต่แสดงจนกระทั่งอุบาสิกาสามารถบรรลุมรรคผลได้
ถ . แสดงว่าท่านต้องได้อบรมการเจริญสติปัฏฐานมาอย่างเต็มเปี่ยม ขาดอยู่นิดเดียวเท่านั้น
สุ. ไม่น่าสงสัยเลย
ถ้าท่านผู้ฟังจะพิจารณา จะเห็นได้ว่า การสังเกต และการพิจารณาพระธรรมที่ได้ฟัง แต่ละท่านมีความละเอียดต่างๆ กัน อย่างในเรื่องของท่านพระสารีบุตรที่ท่านไปปรินิพพานที่บ้านเกิดของท่าน และได้โปรดมารดาของท่าน ท่านผู้ฟังท่านหนึ่งได้สังเกต และพิจารณาเห็นว่า แม้อุบาสิกาท่านนั้นเป็นถึงมารดาของท่านพระสารีบุตร และเป็นมารดาของพระอรหันต์ถึง ๗ องค์ ได้เกิดในสมัยของพระผู้มีพระภาค แต่ ก็ยังอบรมปัญญามาเพียงขั้นเป็นพระโสดาบันบุคคล
นี่เป็นสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรจะสังเกต คือ คนในสมัยนี้ อย่าเพิ่งรีบร้อนคิดที่จะบรรลุธรรมโดยเร็ว หรือคิดว่าจะต้องบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน เป็นพระสกทาคามี เป็นพระอนาคามี เป็นพระอรหันต์ในชาตินี้ เพราะว่าผู้ที่ได้อบรมปัญญาเป็นถึงมารดาของท่านพระสารีบุตร ก็ยังมีปัญญาที่ได้อบรมมาเพียงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม เป็นพระโสดาบันบุคคลเท่านั้น
ท่านเป็นถึงมารดาของท่านพระสารีบุตร แต่ท่านพระสารีบุตรจะโปรดให้ท่านบรรลุคุณธรรมสูงกว่าการเป็นพระโสดาบันบุคคลไม่ได้ ตามการสะสม ทั้งๆ ที่ท่านพระสารีบุตรเป็นอัครสาวกผู้เลิศในทางปัญญา เพราะฉะนั้น ถ้าเทียบกับบุคคลอื่น ในครั้งนี้ ที่หวังพึ่งบุคคลหนึ่งบุคคลใด และคิดว่า บุคคลนั้นสามารถช่วยให้ท่านได้รู้แจ้งอริยสัจธรรมถึงขั้นพระสกทาคามี พระอนาคามี หรือแม้พระอรหันต์ ก็ควรที่จะได้ระลึกว่า แม้ท่านพระสารีบุตรผู้เป็นพระอัครสาวก ผู้เลิศในทางปัญญา ยังไม่อาจโปรดมารดาของท่านให้บรรลุอริยสัจธรรมเกินกว่าการบรรลุเป็นพระโสดาบันบุคคล
สำหรับคุณธรรมของท่านพระสารีบุตรนั้นมีมาก ซึ่งใน อรรถกถา สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เทวปุตตสังยุต สุสิมสูตรที่ ๙ ท่านพระอานนท์ได้สรรเสริญคุณธรรมของท่านพระสารีบุตรต่อพระผู้มีพระภาค สำหรับในข้อปรารภ ความเพียร มีคำอธิบายว่า
ท่านพระสารีบุตรไม่เหยียดหลังบนเตียงนอนมาตลอดเวลา ๔๔ ปี
นอกจากนั้น มีคุณธรรมอื่นๆ อีก ซึ่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะเป็นข้อเตือนใจให้พุทธบริษัทที่เข้าใจว่า ท่านมีความเพียร ความเพียรของท่านมากน้อยแค่ไหน และเป็นความเพียรในการอบรมเจริญปัญญาจริงๆ ที่จะละคลายกิเลส ดับความเห็นผิด หรือเป็นความเพียรเพราะหวังผลที่จะบรรลุ นี่เป็นสิ่งซึ่งต่างกันมาก เพียงแต่จะสังเกตสภาพของจิตใจว่า ความเพียรที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนี้ เพื่อรู้ และละความไม่รู้ หรือหวัง และอยากที่จะเป็นพระโสดาบันบุคคล
ที่มา ...