อานาปานสติในมหาสติปัฏฐาน
ถ . อานาปานสติสมาธิ กับอานาปานสติในมหาสติปัฏฐาน ต่างกันอย่างไร
สุ. อาปานสติมี ๒ อย่าง สมถภาวนาก็ได้ วิปัสสนาภาวนาก็ได้ ถ้าเจริญสมถภาวนาก็เป็นอานาปานสติสมาธิ แต่แม้ว่าจะเจริญสมถภาวนาโดยมีลมหายใจเป็นอารมณ์ และมีความสงบของจิตเพิ่มขึ้นจนกระทั่งปรากฏเป็นสมาธิขั้นต่างๆ สติปัฏฐานก็สามารถระลึกที่ลักษณะของสภาพของนามธรรมในขณะนั้น และรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล
ถ . อานาปานสติสมาธิ เจริญจนเป็นสมาธิ จะมีนิมิตอะไรเกิดหรือเปล่า
สุ. มี
ถ . นิมิตที่เกิดนั้นจะเป็นลมหายใจ หรือจะเป็นนิมิตอีกต่างหาก
สุ. ลมหายใจไม่มีรูปร่าง ใช่ไหม แต่นิมิตมีลักษณะของนิมิต
ถ . นิมิตในที่นี้หมายความว่า ลมหายใจปรากฏชัด หรือว่ามีนิมิตอย่างอื่น
สุ. นิมิตของลมหายใจจะปรากฏเหมือนกับปุยนุ่น หรือสภาพที่เป็นนิมิต ไม่ใช่ลักษณะของธาตุดิน หรือธาตุไฟ หรือธาตุลม
ถ . แต่นิมิตที่ปรากฏ ไม่ใช่ลมหายใจ ใช่ไหม
สุ. ไม่ใช่
ถ. แต่เนื่องจากลมหายใจ
สุ. เนื่องจากลมหายใจ
ถ . สงสัยมานานว่า เมื่อเจริญอานาปานสติสมาธิ จิตสงบขึ้นแล้วจะปรากฏนิมิต นึกว่าจะเป็นลมหายใจปรากฏชัดเจนขึ้นมา
สุ. ถ้ากล่าวถึงนิมิตของสมถภาวนา จะไม่ใช่อารมณ์เดียวกับสิ่งที่เจริญ ในเบื้องต้น เพราะจะต้องให้นิมิตนั้นติดตา ฉะนั้น เมื่อติดตาก็ไม่ใช่สิ่งที่เห็น แต่เพียงแต่อาศัยสิ่งที่เห็นทำให้เกิดนิมิตที่ติดตา
เรื่องของสมถภาวนาเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะจะมีสักกี่ท่านที่อบรมเจริญ สมถภาวนาโดยถูกต้องจริงๆ นอกจากจะทำสมาธิ และเข้าใจว่า นั่นเป็นสมาธิภาวนา เพราะถ้าเป็นผู้ที่มีปัญญา และรู้เรื่องการดับกิเลสเป็นสมุจเฉท แทนที่จะไปเจริญ ความสงบให้มั่นคงถึงขั้นอุปจารสมาธิ อัปปนาสมาธิ สติปัฏฐานย่อมจะเกิดระลึกศึกษาลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพื่อละคลายการยึดถือนามธรรม และรูปธรรมว่าเป็นตัวตน มากกว่าที่จะไปพยายามทำให้จิตสงบถึงขั้นฌานจิต ซึ่งไม่ได้ดับกิเลสเป็นสมุจเฉท
ชาติก่อนๆ อาจจะเคยทำมาแล้วมากหลายชาติ แต่ก็ต้องมีความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ โดยที่ว่ายังไม่ได้ดับความยินดีพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เพราะถ้าจะดับได้ต้องเจริญสติปัฏฐานจนกระทั่งบรรลุคุณธรรมถึงความเป็นพระอนาคามีบุคคล ส่วนการที่จะสงบเพียง ชั่วครั้งชั่วคราว ไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสด้วยกำลังของความสงบที่เป็นสมถภาวนานั้น ดับกิเลสไม่ได้
เพราะฉะนั้น ในสมัยที่พระผู้มีพระภาคยังไม่ปรินิพพาน ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรม พร้อมด้วยฌานสมาบัตินั้น มีน้อยกว่าผู้ที่เป็นสุกขวิปัสสกะ คือ ผู้ที่รู้แจ้งอริยสัจธรรมโดยไม่ถึงขั้นฌานจิต
สำหรับในยุคนี้สมัยนี้ ถ้ารู้เรื่องของการเจริญสติปัฏฐานแล้ว ทุกท่านก็คงจะอบรมเจริญสติปัฏฐาน เรื่องของฌานสมาบัติเป็นเรื่องที่ไกลแสนไกลทีเดียว
ที่มา ...