ไปแสวงหาสัจธรรม จะพบไหม


    การเจริญสติเป็นปกติในชีวิตประจำวันมีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษเลย แต่ถ้าท่านมีมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นผิด ไม่เจริญสติปัฏฐานเป็นปกติในชีวิตประจำวัน อกุศลก็เพิ่มพูน พอกพูนขึ้น และจะไม่รู้ลักษณะของสัมมาสติเลย เพราะเหตุว่าสัมมาสติเป็นสภาพที่ระลึกได้ตรงลักษณะสภาพธรรม สติไม่ใช่ดู สติเป็นสภาพที่ระลึกได้ ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ สัจธรรม คือ สภาพธรรมที่มีจริง เป็นของจริง และก็เป็นชีวิตปกติประจำวันทุกๆ ขณะ

    กำลังเห็น เป็นของจริงหรือเปล่า ธรรมใช้คำว่า สัจธรรม

    การได้ยิน ธรรมดาในขณะนี้ จริงหรือไม่จริง ภาษาไทยใช้คำว่า ของจริง สภาพธรรมที่มีจริง ภาษาบาลีใช้คำว่า สัจธรรม คือ ธรรมที่มีจริง

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่รู้สภาพของธรรม ที่เป็นสภาพธรรมที่มีจริง ที่กำลังปรากฏชื่อว่า เป็นผู้รู้สัจธรรม ถ้าท่านรู้ชัด ประจักษ์ในความไม่เที่ยง ความเป็นทุกข์เพราะไม่เที่ยง จนกระทั่งรู้แจ้ง ท่านก็เป็นพระอริยเจ้า แต่ถ้าท่านยังไม่รู้แจ้ง สัจธรรมก็มีอยู่เรื่อยๆ ทุกๆ ขณะตลอดเวลา แต่ท่านก็ไม่ทราบว่าเป็นสัจธรรม

    บางท่านใคร่ที่จะรู้สัจธรรม ไปแสวงหาสัจธรรม จะพบไหม กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังเป็นสุข กำลังเป็นทุกข์ กำลังเป็นโลภะ สัจธรรมหรือเปล่า ทำไมไปแสวงหาสัจธรรม ในเมื่อสัจธรรมมีอยู่ทุกขณะ แต่ถ้าท่านยังไม่รู้จักสัจธรรม แล้วท่านก็จะไปแสวงหาสัจธรรม ท่านไม่มีวันที่จะได้ประจักษ์สภาพความจริงของสัจธรรมเลย เพราะว่าโลภะขณะนี้เป็นสัจธรรม โทสะขณะนี้เป็นสัจธรรม เห็นขณะนี้เป็นสัจธรรม สี เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ ทั้งหมดที่กำลังปรากฏ มีลักษณะความเป็นอนัตตาจริงๆ ไม่ต้องมีใครไปบังคับสภาพธรรมเหล่านี้ มีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้นแล้ว

    เวลานี้รู้สึกเย็นไหม บางท่านอาจจะรู้สึกร้อน เป็นสัจธรรมหรือเปล่า สภาพธรรมที่ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา อาศัยเหตุปัจจัยก็เกิดปรากฏ มีลักษณะอย่างนั้น


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 193


    หมายเลข 13163
    2 ต.ค. 2567