เนมิราชชาดก นายนิรยบาล และ สัตว์นรก


    สำหรับผลของกรรมในอบายภูมิที่จะได้รับในชาติต่อไป ซึ่งไม่ใช่มนุษย์ภูมิ น่ากลัวมาก และเป็นผลของปาณาติบาตนี่เอง ถ้าตราบใดยังไม่ถึงภูมินั้น ก็จะไม่ทราบเลยว่า ภูมินั้นเป็นภูมิที่เต็มไปด้วยความทุกข์ เผ็ดร้อน แสนสาหัสสักเท่าไร

    ขุททกนิกาย เนมิราชชาดก มีข้อความว่า

    นายนิรยบาลผูกคอสัตว์นรก ด้วยตรวนเหล็กอันลุกโพลง แล้วตัดศีรษะ โยนลงไปในน้ำร้อน สัตว์นรกเหล่านี้ เมื่อยังอยู่ในมนุษย์โลก มีธรรมอันลามก จับนกมาฆ่าเลี้ยงชีพ จึงต้องถูกตัดศีรษะนอนอยู่

    ข้อ ๕๕๖ มีข้อความว่า

    สัตว์นรกอีกพวกหนึ่ง ถูกนายนิรยบาลตัดเป็นท่อนๆ นอนอยู่ สัตว์เหล่านี้เคยเป็นคนฆ่าแกะ ฆ่าสุกร ฆ่าปลา ครั้นฆ่าปศุสัตว์ กระบือ แพะ และแกะแล้ว เอาวางไว้ที่เขียง ขายเลี้ยงชีพ

    ข้อ ๕๖๐ มีข้อความว่า

    สัตว์นรกในห้วงน้ำที่เต็มไปด้วยเลือด และหนอง ไม่สะอาด เป็นน้ำเน่า มีกลิ่นเหม็นฟุ้งไป สัตว์นรกถูกความร้อนเผาแล้ว ย่อมดื่มเลือด และหนองกิน สัตว์นรกเหล่านี้ เมื่ออยู่ในมนุษย์โลก ฆ่ามารดา บิดา หรือพระอรหันต์ ชื่อว่าถึงปาราชิก ในเพศคฤหัสถ์

    เชื่อไหมว่าจะเป็นไปได้ หรือว่าจะมีภูมิอย่างนี้ในโลกอื่นที่มิใช่ภูมิมนุษย์ แต่เป็นภูมินรก ซึ่งเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง

    ฟังแล้ว ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในมนุษย์โลกยากที่จะเชื่อว่า จะมีภูมินรกซึ่งแสนจะทรมานอย่างนั้นจริงๆ แต่ลองคิดกลับดูว่า โลกมนุษย์เป็นนรกของสัตว์ดิรัจฉาน พอจะได้ไหม

    โลกมนุษย์ ไม่มีมนุษย์ที่ได้รับการถูกทรมานเหมือนกับในอบายภูมิที่เป็นภูมินรกก็จริง แต่เมื่อเปรียบเทียบความทุกข์ทรมานในอบายภูมิแล้ว แม้ในโลกมนุษย์นี้ ลองคิดกลับดูว่า จะเป็นนรกของสัตว์ดิรัจฉานได้ไหม

    เป็นนรกของปลา เป็นนรกของกุ้ง เป็นนรกของปู เป็นนรกของไก่ ของหมู สัตว์ทั้งหลายที่ล้วนถูกตัดเป็นท่อน วางไว้ที่เขียง และก็ขาย แต่นั่นเป็นสัตว์ดิรัจฉาน

    ซึ่งสัตว์ดิรัจฉานก็เป็นจิต เจตสิก รูป ที่เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย ทำให้ปฏิสนธิเป็นสัตว์ดิรัจฉานประเภทนั้นๆ เพราะฉะนั้น ถ้าเป็นสัตว์ในภูมินรก ก็ไม่ผิดอะไรกัน ที่จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัสนั้นด้วย

    นี่เป็นผลของปาณาติบาต การฆ่า การเบียดเบียนบุคคลอื่นให้เดือดร้อน การเบียดเบียนสัตว์อื่นให้เดือดร้อน ให้สิ้นชีวิต ซึ่งบาปกรรมที่ได้กระทำไปแล้ว มากมายในอดีต หรือว่าในปัจจุบันชาตินี้เอง ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่สามารถจะทราบว่า วันไหนบาปกรรมนั้นจะให้ผล ซึ่งทุกท่านที่ได้ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตมา ก็คงจะประจักษ์ในความจริงที่ว่า ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร จะมีอะไรเกิดขึ้น ไม่มีใครสามารถจะทราบได้เลย

    มองดูแล้วก็เหมือนกับว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นพรุ่งนี้ ยังอยู่ในความมืด ยังไม่ปรากฏว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะยังคงอยู่ในโลกนี้ต่อไป หรือว่าจะมีความเจ็บไข้ได้ป่วย จะมีความทุกข์ จะมีความเดือดร้อน จะประสพกับลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ อย่างไร ไม่มีบุคคลใดสามารถที่จะรู้ล่วงหน้าได้ถึงวันพรุ่งนี้

    แต่ว่าวันพรุ่งนี้ก็จะเกิดขึ้น เพราะกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัย ซึ่งเป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้วในอดีต หรือแม้ในชาตินี้ ก็ไม่มีบุคคลหนึ่งบุคคลใดที่สามารถจะทราบได้ว่า พรุ่งนี้จะเป็นผลของกุศลกรรม หรือว่าพรุ่งนี้จะเป็นผลของอกุศลกรรม แม้ผู้ที่เป็นพระอริยเจ้า ก็ไม่พ้นจากอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้ว ถ้าอดีตกรรมนั้นพร้อม ถึงวาระที่จะให้เกิดผล ผลก็ต้องเกิดขึ้น


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 343


    หมายเลข 13172
    4 ต.ค. 2567