เรื่องอุบาสิกาสุปียาถวายเนื้อขา


    สำหรับเรื่องเนื้อที่ไม่ควรบริโภค มีความละเอียด ใน พระวินัยปิฎก มหาวรรค เรื่องอุบาสิกาสุปียาถวายเนื้อขา ซึ่งจะเป็นต้นบัญญัติว่า เนื้อสัตว์ประเภทใดเป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภคบ้าง

    ข้อความในเรื่องอุบาสิกาสุปียาถวายเนื้อขามีว่า

    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ในพระนครราชคฤห์ ตามพระพุทธาภิรมย์ เสด็จพุทธดำเนินไปทางพระนครพาราณสี เสด็จพระพุทธดำเนินผ่านระยะทางโดยลำดับ ถึงพระนครพาราณสีแล้ว ทราบว่าพระองค์ประทับอยู่ ณ อิสิปตนมฤคทายวัน เขตพระนครพาราณสีนั้น สมัยนั้น อุบาสกสุปียะ และอุบาสิกาสุปียา ๒ คน เป็นผู้เลื่อมใส เป็นทายก กัปปิยการก บำรุงพระสงฆ์อยู่ในพระนครพาราณสี สุปียาอุบาสิกานั้นเป็นผู้ที่เลิศกว่าอุบาสิกาสาวิกาผู้เป็นคิลานอุปัฏฐาก

    วันหนึ่ง อุบาสิกาสุปียาไปสู่อาราม เที่ยวเยี่ยมวิหาร และบริเวณทั่วทุกแห่ง แล้วเรียนถามภิกษุทั้งหลายว่า ภิกษุรูปใดอาพาธ ภิกษุรูปใดโปรดให้ดิฉันนำอะไรมาถวายเจ้าข้า

    ครั้งนั้น ภิกษุรูปหนึ่งดื่มยาถ่าย แล้วได้บอกอุบาสิกาสุปียาว่า ดูกร น้องหญิง อาตมาดื่มยาถ่าย อาตมาต้องการน้ำเนื้อต้ม

    อุบาสิกาสุปียารับคำว่า ดิฉันจะนำมาถวายเป็นพิเศษเจ้าข้า แล้วไปเรือน สั่งชายคนใช้ว่า เจ้าจงไปหาซื้อเนื้อสัตว์ที่เขาขายมา

    คือ ถ้าจะถวายพวกเนื้อสัตว์ ต้องเป็นเนื้อสัตว์ที่เขาขาย

    ชายคนรับใช้รับคำอุบาสิกาสุปียาว่า ขอรับกระผม แล้วเที่ยวหาซื้อทั่วพระนครพาราณสี ก็มิได้พบเนื้อสัตว์ที่เขาขาย จึงได้กลับไปหาอุบาสิกาสุปียา แล้วเรียนว่า เนื้อสัตว์ที่เขาขายไม่มีขอรับ เพราะวันนี้ห้ามฆ่าสัตว์

    จะทำอย่างไร อุบาสิกาผู้มีจิตเลื่อมใส และเป็นผู้ที่ไม่ฆ่าสัตว์ด้วย

    จึงอุบาสิกาสุปียาได้มีความปริวิตกว่า ภิกษุอาพาธรูปนั้นแล เมื่อไม่ได้ฉันน้ำเนื้อต้ม อาพาธจักมากขึ้น หรือจักถึงมรณภาพ การที่เรารับคำแล้วไม่จัดหาไปถวายนั้น เป็นการไม่สมควรแก่เราเลย ดังนี้ แล้วได้หยิบมีดหั่นเนื้อมาเชือดเนื้อขา ส่งให้หญิงคนรับใช้ สั่งว่า แม่สาวใช้ ผิฉะนั้น แม่จงต้มเนื้อนี้ แล้วนำไปถวายภิกษุรูปที่อาพาธอยู่ในวิหารหลังโน้น อนึ่งผู้ใดถามถึงฉัน จงบอกว่าป่วย แล้วเอาผ้าห่มพันขา เข้าห้องนอนบนเตียง

    ครั้งนั้น อุบาสกสุปิยะไปเรือน แล้วถามหญิงคนรับใช้ว่า แม่สุปียาไปไหน หญิงรับใช้ตอบว่า คุณนายนอนในห้องเจ้าข้า จึงอุบาสกสุปิยะเข้าไปหาอุบาสิกา สุปียาถึงในห้องนอน แล้วได้ถามว่า เธอนอนทำไม

    อุบาสิกา ดิฉันไม่สบายค่ะ

    อุบาสก เธอป่วยเป็นอะไร

    ทีนั้น อุบาสิกาสุปียาจึงเล่าเรื่องนั้นให้อุบาสกสุปียะทราบ ขณะนั้น อุบาสก สุปียะร่าเริงดีใจว่า อัศจรรย์นักชาวเรา ไม่เคยมีเลยชาวเรา แม่สุปียานี้มีศรัทธาเลื่อมใสถึงแก่สละเนื้อของตนเอง สิ่งไรอื่นทำไมนางจักให้ไม่ได้เล่า แล้วเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง อุบาสกสุปียะนั่งเรียบร้อยแล้ว ได้กราบทูลคำนี้แก่พระผู้มีพระภาคว่า

    พระพุทธเจ้าข้า ขอพระผู้มีพระภาคพร้อมด้วยพระสงฆ์ จงทรงพระกรุณาโปรดรับภัตตาหารของข้าพระพุทธเจ้าในวันพรุ่งนี้ เพื่อเจริญมหากุศล และปีติปราโมทย์แก่ข้าพระพุทธเจ้าด้วยเถิด

    พระผู้มีพระภาคทรงรับนิมนต์โดยดุษณีภาพ ครั้นอุบาสกสุปียะทราบการรับนิมนต์ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ลุกจากที่นั่ง ถวายบังคมพระผู้มีพระภาค ทำประทักษิณแล้วกลับไป

    แล้วสั่งให้ตกแต่งของเคี้ยวของฉันอันประณีต โดยผ่านราตรีนั้น แล้วให้คนไปกราบทูลภัตกาลแด่พระผู้มีพระภาคว่า ถึงเวลาแล้วพระพุทธเจ้าข้า ภัตตาหารเสร็จแล้ว

    ขณะนั้น เป็นเวลาเช้า พระผู้มีพระภาคทรงครองอันตรวาสก แล้วถือบาตร จีวร เสด็จไปสู่นิเวศน์ของอุบาสกสุปียะ ครั้นถึงแล้ว ประทับนั่งเหนือพระพุทธอาสน์ที่เขาจัดถวายพร้อมด้วยพระสงฆ์ จึงอุบาสกสุปียะเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค ถวายบังคมแล้วได้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามอุบาสกสุปิยะ ผู้ยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งว่า

    อุบาสิกาสุปียาไปไหน

    อุบาสกกราบทูลว่า

    นางป่วย พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ถ้าเช่นนั้น เชิญอุบาสิกาสุปียามา

    อุบาสกกราบทูลว่า

    นางไม่สามารถ พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ถ้าเช่นนั้นพวกเธอช่วยกันพยุงพามา

    ขณะนั้นอุบาสกสุปิยะได้พยุงอุบาสิกาสุปียามาเฝ้า พร้อมกับนางได้เห็นพระผู้-มีพระภาค แผลใหญ่เพียงนั้นได้งอกเต็ม มีผิวพรรณเรียบสนิท เกิดโลมชาติทันที

    จึงอุบาสกสุปียะ และอุบาสิกาสุปียาพากันร่าเริงยินดีว่า อัศจรรย์นักชาวเรา ไม่เคยมีเลยชาวเรา พระตถาคตทรงมีพระฤทธิ์มาก ทรงมีพระอานุภาพมาก เพราะพอเห็นพระองค์เท่านั้น แผลใหญ่โตยังงอกขึ้นเต็มทันที มีผิวพรรณเรียบสนิท เกิดโลม-ชาติ แล้วอังคาสภิกษุสงฆ์ มีพระพุทธเจ้าเป็นประมุข ด้วยขาทนียโภชนียาหารอันประณีตด้วยมือของตน จนยังพระพุทธเจ้าผู้เสวยเสร็จแล้ว ทรงนำพระหัตถ์ออกจากบาตร ให้ห้ามภัตแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

    พระผู้มีพระภาคทรงชี้แจงให้อุบาสกสุปียะ และอุบาสิกาสุปียาสมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถาแล้ว ทรงลุกจากที่ประทับ เสด็จกลับ

    แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ เพราะเหตุว่าเนื้อมนุษย์เป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภค

    ข้อความต่อไปมีว่า

    ประชุมสงฆ์ ทรงสอบถาม

    ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาครับสั่งให้ประชุมภิกษุสงฆ์ ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แล้วทรงสอบถามภิกษุทั้งหลายว่า

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุรูปไหนขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปียา

    เมื่อพระผู้มีพระภาคตรัสเช่นนี้แล้ว ภิกษุรูปนั้นได้ทูลรับต่อพระผู้มีพระภาคว่า

    ข้าพระพุทธเจ้าได้ขอเนื้อต่ออุบาสิกาสุปียา พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    เขานำมาถวายแล้วหรือ ภิกษุ

    ภิกษุกราบทูลว่า

    เขานำมาถวายแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    เธอฉันแล้วหรือ ภิกษุ

    ภิกษุกราบทูลว่า

    ฉันแล้ว พระพุทธเจ้าข้า

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    เธอพิจารณาหรือเปล่า ภิกษุ

    ภิกษุกราบทูลว่า

    มิได้พิจารณา พระพุทธเจ้าข้า

    ทรงติเตียน

    พระผู้มีพระภาคพุทธเจ้าทรงติเตียนว่า

    ดูกร โมฆบุรุษ ไฉนเธอจึงมิได้พิจารณาแล้วฉันเนื้อเล่า เธอฉันเนื้อมนุษย์แล้ว การกระทำของเธอนั่น ไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชน ที่ยังไม่เลื่อมใส

    ที่มา ... แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 206

    ครั้นแล้วทรงทำธรรมีกถารับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อมนุษย์

    ดูกร ภิกษุทั้งหลาย บรรดาคนที่มีศรัทธาเลื่อมใสมีอยู่ เขาสละเนื้อของเขาถวายก็ได้ ดูกร ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุไม่พึงฉันเนื้อมนุษย์ รูปใดฉัน ต้องอาบัติถุลลัจจัย

    อนึ่ง ภิกษุยังมิได้พิจารณา ไม่พึงฉันเนื้อ รูปใดฉัน ต้องอาบัติทุกกฏ

    เนื้อก็เพิ่มโทษขึ้นตามลำดับขั้น ถ้าไม่พิจารณาก็เป็นอาบัติทุกกฏ พระพุทธบัญญัติห้ามฉันเนื้อช้าง ก็เป็นเรื่องเนื้อสัตว์ประเภทต่างๆ ที่ทรงบัญญัติห้าม เพื่อท่านผู้ฟังที่เป็นอุบาสก อุบาสิกา จะได้ไม่ถวายสิ่งที่ไม่ควร ไม่ถูกต้องตามพระพุทธบัญญัติ ไม่ใช่ว่าเมื่อท่านมีศรัทธา ก็จะถวายเนื้อไปเสียทุกประเภท


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 207


    หมายเลข 13257
    15 พ.ย. 2567