ชาณุสโสณีสูตร กุศลที่เป็นปัตติทาน
สำหรับกุศลที่เป็นปัตติทาน การอุทิศส่วนกุศลให้บุคคลอื่นได้อนุโมทนา เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว เพราะเหตุว่าสามารถที่จะได้รับผลของปัตติทานนั้น ด้วยการอนุโมทนา
ข้อความโดยตรงจากพระสูตรที่แสดงว่า การอุทิศส่วนกุศลนั้นสามารถทำให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้รับผล ใน อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ชาณุสโสณีสูตร มีข้อความว่า
ครั้งนั้นแล ชาณุสโสณีพราหมณ์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาค ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า
ท่านโคดมผู้เจริญ พวกข้าพเจ้าได้นามว่าเป็นพราหมณ์ ย่อมให้ทาน ย่อมทำความเชื่อว่า ทานนี้ต้องสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว ขอญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้ว จงบริโภคทานนี้
ท่านโคดมผู้เจริญ ทานนั้นย่อมสำเร็จแก่ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วหรือ ญาติสาโลหิตผู้ล่วงลับไปแล้วเหล่านั้น ย่อมได้บริโภคทานนั้นหรือ
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร พราหมณ์ ทานนั้นย่อมสำเร็จในฐานะ และย่อมไม่สำเร็จในอฐานะ
คือ ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จไปหมด ต้องแล้วแต่กรณี แล้วแต่บุคคล
ชาณุสโสณีพราหมณ์กราบทูลว่า
ท่านโคดมผู้เจริญ ฐานะเป็นไฉน อฐานะเป็นไฉน
ฐานะอย่างไรจึงจะสามารถได้รับผลของทาน และฐานะอย่างไรไม่ใช่ฐานะ คือ เป็นอฐานะ ไม่สามารถได้รับผลของทาน
พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ลักทรัพย์ ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด พูดคำหยาบ พูดเพ้อเจ้อ มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตปองร้าย มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในนรกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในนรกนั้น ด้วยอาหารของสัตว์นรก
ดูกร พราหมณ์ ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นอฐานะ
ท่านผู้ฟังคิดถึงใคร หรือตัวของท่านเองบ้างไหม บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ เป็นอกุศลกรรม ทำให้ปฏิสนธิในนรกได้ เมื่อเกิดที่นั่นแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องอาหาร เป็นอาหารของสัตว์นรก โดยกรรมที่ทำให้เกิดที่นั่น อยู่ที่นั่น ได้รับความทุกข์ทรมานตามควรแก่กรรมนั้นๆ ผู้ใดจะอุทิศส่วนกุศลไปให้สักเท่าไร ก็ไม่มีโอกาสได้รับ เพราะเหตุว่าต้องได้รับทุกข์โทษในนรกตามควรแก่กรรม
เพราะฉะนั้น ถ้าญาติพี่น้อง มิตรสหาย ผู้มีคุณ หลังจากที่จุติจากโลกนี้แล้วปฏิสนธิในนรก ท่านมีกุศลจิตที่จะถวายทาน อุทิศส่วนกุศลให้ แต่ว่าผู้ที่เกิดในนรกไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับผล
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพในกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานนั้น ย่อมตั้งอยู่ในกำเนิดสัตว์เดรัจฉานนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน
ดูกร พราหมณ์ แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ
เป็นไปได้ไหม ญาติมิตรสหายหลังจากที่จุติจากโลกนี้แล้ว เกิดในกำเนิดสัตว์เดรัจฉาน เพราะอกุศลกรรม คือ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ พูดส่อเสียด เป็นต้น ถึงแม้ว่าท่านจะมีกุศลจิตถวายทาน อุทิศส่วนกุศลไปให้ แต่ว่าผู้นั้นเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน ก็ย่อมมีอาหารของสัตว์เดรัจฉาน ตามประเภทของสัตว์นั้นๆ ถ้าเกิดเป็นช้าง มีอาหารอย่างไร ผู้นั้นก็ต้องบริโภคอย่างนั้น เกิดเป็นปลวก เป็นมด มีอาหารอย่างไร ผู้นั้นก็ต้องบริโภคอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ก็ไม่มีโอกาสที่จะอนุโมทนา ที่จะได้รับผลของกุศลที่ท่านอุทิศไปให้ เพราะเหตุว่าไม่ใช่ฐานะที่จะได้รับผล
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ จากการลักทรัพย์ จากการประพฤติผิดในกาม จากการพูดเท็จ จากการพูดส่อเสียดจากการพูดคำหยาบ จากการพูดเพ้อเจ้อ ไม่มีความอยากได้ของผู้อื่น มีจิตไม่ปองร้าย มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของพวกมนุษย์ เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพในมนุษยโลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในมนุษย์นั้นด้วยอาหารของมนุษย์
ดูกร พราหมณ์ แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ
ถ้าญาติมิตร สหาย ผู้มีคุณ เป็นผู้ที่เว้นทุจริต ทำให้ปฏิสนธิเป็นมนุษย์อีกในมนุษยโลก ท่านอุทิศส่วนกุศลไปให้ แต่ผู้นั้นก็ไม่สามารถที่จะล่วงรู้อนุโมทนา หรือว่าได้รับผลของทานกุศลนั้น
ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคตรัสว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้เว้นขาดจากการฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นชอบ บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดา เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเทวโลกนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเทวโลกนั้น ด้วยอาหารของเทวดา
ดูกร พราหมณ์ แม้ฐานะอันเป็นที่ไม่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล ก็เป็นอฐานะ
เทวดามีอาหารทิพย์ ซึ่งสำเร็จด้วยบุญกุศลที่ท่านได้กระทำแล้ว ไม่จำเป็นต้องบริโภคอาหารด้วยการอุทิศให้ของบุคคลอื่น
เพราะฉะนั้น ผู้ที่จะได้รับผลของทานที่อุทิศให้มีบุคคลเดียว คือ ผู้ที่เกิดเป็นเปรต
พระผู้มีพระภาคตรัสต่อไปว่า
ดูกร พราหมณ์ บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ ฯลฯ มีความเห็นผิด บุคคลนั้นเมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงเปรตวิสัย เขาย่อมเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ด้วยอาหารของสัตว์ผู้เกิดในเปรตวิสัย หรือว่ามิตร อำมาตย์ หรือญาติสาโลหิตของเขา ย่อมเพิ่มให้ซึ่งปัตติทานมัยจากมนุษยโลกนี้ เขาเลี้ยงอัตภาพอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ย่อมตั้งอยู่ในเปรตวิสัยนั้น ด้วยปัตติทานมัยนั้น
ดูกร พราหมณ์ ฐานะอันเป็นที่เข้าไปสำเร็จแห่งทานแก่สัตว์ผู้ตั้งอยู่นี้แล เป็นฐานะ
หิวกระหายได้รับความทุกข์ทรมาน แต่ว่าไม่ใช่อย่างนรก ไม่เหมือนกับสัตว์ในนรก เป็นผู้ที่ทรมานด้วยความหิวกระหาย และมีอาหารของตน คือ พวกเสลด พวกน้ำหนอง แต่ว่าเวลาใดที่ญาติ หรือผู้มีคุณ มิตรสหายอุทิศส่วนกุศลให้อนุโมทนา ก็ย่อมได้เพิ่มจากกุศล คือ การอนุโมทนานั้น หมายความว่า ได้รับอาหารเพิ่มขึ้น ซึ่งทำให้บรรเทาความหิว ความกระหายได้
ท่านผู้ฟังทุกท่านมีอาหารบริโภคกันอยู่เป็นประจำ แต่ยังมีญาติ มีมิตรสหายที่เคารพนับถือ เกื้อกูลท่าน โดยการส่งอาหารเพิ่มให้ จะเป็นผลไม้ หรือจะเป็นอะไรก็ตาม นั่นก็เป็นส่วนที่ท่านได้รับเพิ่ม เพราะฉะนั้น พวกเปรตก็เลี้ยงชีวิตด้วยอาหาร คือ เสลด น้ำหนอง เป็นต้น แต่เวลาที่มีบุคคลอื่นอุทิศส่วนกุศลให้ และอนุโมทนาในกุศลของผู้นั้น ก็ย่อมได้บริโภคอาหารเพิ่มขึ้น ที่จะทำให้บรรเทาความหิวกระหายได้
ถ. (ไม่ได้ยิน)
สุ. ข้อความต่อไปจะมีว่า แม้กุศลอื่นก็ได้ แต่ว่าสำหรับผู้ที่หิวกระหาย มีความทุกข์ทรมานในอาหาร ย่อมจะชื่นชมอนุโมทนาในอาหาร
ที่มา ...