เจริญปัญญาจนรู้ทั่วจริงๆ และรู้ชัดจริงๆ


    ท่านผู้ฟังที่ศึกษาปริยัติธรรม เรื่องของจิตปรมัตถ์ เจตสิกปรมัตถ์ รูปปรมัตถ์ บางท่านคงจะระลึกถึงตัวของท่านเองว่า จิต เจตสิก รูป วันนั้นทำอะไรบ้าง บางท่านยังตามระลึกในขณะที่จะนอนว่า วันนี้ได้ทำอะไรไป ทบทวนดูสิ่งที่ทำไปนั้น ดีหรือไม่ดี เมื่อท่านศึกษาปริยัติธรรม ท่านก็ทราบว่า เป็นจิตประเภทไหน เป็นเจตสิกประเภทไหน เป็นอกุศลกรรม หรือว่าเป็นกุศลกรรมอย่างไร ซึ่งนั่นเป็นขณะที่ท่านทบทวนถึงเหตุการณ์ในวันนั้นที่ท่านได้กระทำไปแล้ว แต่ปัญญาขั้นนั้น ไม่ใช่ขั้นที่จะทำให้รู้แจ้งจริงๆ ในสภาพธรรม เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสติปัฏฐาน แม้ขณะที่ระลึกอย่างนั้น สติก็สามารถที่จะรู้สภาพธรรม คือ นามธรรม และรูปธรรมในขณะนั้นได้

    การเจริญปัญญาจะต้องเจริญจนรู้ทั่วจริงๆ และรู้ชัดจริงๆ จึงจะละการยึดถือนามรูปว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล จนถึงความสมบูรณ์ของปัญญาที่เป็นวิปัสสนาญาณได้

    เรื่องของการดับกิเลสไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย เพราะว่ากิเลสมีมากเหลือเกิน เพราะฉะนั้น การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ว่าท่านจะไม่เจริญกุศลขั้นอื่นด้วย


    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ตอนที่ 216


    หมายเลข 13297
    30 พ.ย. 2567