พระธรรมไม่ใช่เรื่องคิดเอง
พระธรรมเป็นสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้ง ใครๆ ก็คิดเองไม่ได้ทั้งหมด ไม่มีใครสามารถจะคิดได้เลย เช่นในขณะนี้ สิ่งที่กำลังปรากฏ ใครรู้บ้างว่าจริงๆ แล้วเป็นอะไร ชาวพุทธก็คงจะชินกับคำว่า “อนัตตา” โดยมากจะได้ยิน “อัตตา” กับ “อนัตตา” อัตตาก็คือความยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นเรา ตั้งแต่เกิด ก็มีเราเกิด แต่ว่าจากการตรัสรู้ก็ทรงแสดงว่า ธรรมทั้งหลาย คือ สิ่งที่มีจริงทั้งหมด ทุกขณะเป็นอนัตตา หมายความว่าไม่ใช่สิ่งที่เที่ยงถาวร หรือว่าเป็นของใคร คนใดคนหนึ่ง เป็นสภาพธรรมที่เกิดเพราะมีเหตุปัจจัย แล้วก็ดับไป แต่ว่าผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมเลยก็จะมีชีวิตตั้งแต่เกิดจนตาย โดยที่ไม่เข้าใจเลยว่า สิ่งที่มีในชีวิตประจำวันทั้งหมด พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบำเพ็ญพระบารมีที่จะตรัสรู้ความจริงแท้ของสิ่งที่ปรากฏจนตลอด จนกระทั่งสามารถที่จะดับกิเลสเป็นสมุจเฉท แล้วก็ทรงประกอบด้วยพระญาณซึ่งบุคคลอื่นไม่มี ที่จะทรงแสดงธรรม คือ การใช้คำที่จะทำให้คนอื่นได้ยินได้ฟังแล้วค่อยๆ เข้าใจถูกต้องในสิ่งที่ปรากฏ ตรงกับคำที่ทรงแสดงว่าอนัตตา สภาพธรรมที่มีจริงถ้าผู้ใดตรัสรู้ความจริงไม่เปลี่ยน ไม่มีใครสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงสภาพธรรมนั้นได้เลย
เพราะฉะนั้นแม้แต่เพียงคำเดียวคือคำว่า “อนัตตา” เราจะต้องฟังจนค่อยๆ มีความเห็นถูกว่า ธรรมเป็นอะไร แล้วก็เป็นอนัตตาจริงหรือไม่ แล้วก็จนกระทั่งถึงสามารถที่จะรู้แจ้ง ความเป็นอนัตตาของสภาพธรรมนั้น จนสามารถดับกิเลสได้เป็นสมุจเฉท