ปุถุชนตื่นขึ้นมาก็อยากแล้ว
ตั้งแต่เริ่มเลยที่เกิดจนถึงแม้วันนี้ พอตื่นขึ้นมาเราก็อยากแล้วใช่ไหมคะ ต้องการทุกสิ่งทุกอย่าง มีตา ต้องการจะเห็นสิ่งที่น่าพอใจ มีหู ก็จะฟังเสียงทีเพราะหรือคำชมเชยต่างๆ มีจมูก ถ้าดอกไม้หอมดมแล้ว หรือแสวงหาสิ่งหอมๆ ในห้องก็อาจจะมีน้ำหอมใครชอบกลิ่นไหนก็แสวงหาสิ่งนั้น ทางลิ้น เมื่อกี้นี้เองอาหารบนโต๊ะก็มีหลายอย่างตักอะไรไป นี้คือสิ่งที่เราแสวงหาหมด แม้แต่ทางกาย ทางใจทั้งหมด
เราอยู่ในโลกของความต้องการ อยู่ในโลกของความติดข้อง นานแสนนานไม่ใช่ชาตินี้ชาติเดียว เพราะฉะนั้นใครสามารถจะแสดงธรรมที่จะทำให้เราเกิดความค่อยๆ คลายความติดข้อง ที่จะละไปทันทีเป็นไปไม่ได้เลย โดยวิธีไหนๆ ก็ไม่ได้ทั้งหมด เพราะเหตุว่าการละเป็นเรื่องของปัญญา เป็นสภาพธรรมชนิดหนึ่งซึ่งมีความเห็นถูกต้องในสิ่งที่ไม่เคยรู้ จึงติด เพราะฉะนั้นถ้าจะละได้ก็ด้วยความรู้ จึงจะค่อยๆ คลายความไม่รู้ แล้วก็คลายความติดข้องได้
เพราะฉะนั้นธรรมเป็นเรื่องละเอียดไม่ใช่เรื่องรวดเร็ว หรือว่าจะได้ผลอย่างรวดเร็ว แต่ผู้ที่ยิ่งฟัง ยิ่งมีความเข้าใจขึ้น ก็จะยิ่งรู้ว่าอยู่ฝั่งนี้ ไม่ใช่ฝั่งโน้นของมหาสมุทร ที่ไกลสุดสายตา ซึ่งเป็นการรู้แจ้งอริยสัจจธรรม
พูดอย่างนี้ท้อถอยไหมคะ เพราะเหตุว่าถ้าคนที่ต้องการผลอย่างรวดเร็ว ก็คงจะไม่ชอบ ทำไมถึงไม่ได้อย่างใจ ศึกษาแล้วก็น่าจะเกิดปัญญา แล้วก็รู้เหมือนที่บุคคลในครั้งโน้นท่านรู้ พอฟังธรรม ท่านก็รู้แจ้งอริยสัจธรรม