ทำไมจึงไม่ดูรูปนั่ง นอน ยืน เดิน
ผู้ฟัง ขอเรียนถามว่า ในการเจริญสติปัฏฐาน ๔ มีอาจารย์บางท่านเห็นว่า ต้องดูรูปนั่ง นอน ยืน เดิน แต่ที่ได้ยินอาจารย์สอนไม่เป็นอย่างนั้น อยากให้อาจารย์ช่วยอธิบาย
ท่านอาจารย์ เวลานี้ที่กายต้องมีลักษณะรูปที่ปรากฏให้รู้ ไม่ใช่จำ เวลานี้ต้องมีรูปที่มีลักษณะปรากฏให้รู้ ซึ่งเราจะต้องแยกว่า ทางตา รูปอะไรปรากฏ ทางหู รูปอะไรปรากฏ ทางจมูก รูปอะไรปรากฏ ทางลิ้น รูปอะไรปรากฏ ทางกาย รูปอะไรปรากฏ เพราะการที่เราเคยจดจำรูปตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าว่าเป็นเรา หรือเป็นของเรา เราก็เลยคิดว่า มีเราที่กำลังนั่งอยู่ แต่จริงๆ แล้วจะต้องรู้ว่า ลักษณะปรมัตถธรรมมีลักษณะเฉพาะของตนๆ อย่างที่ตัวของแต่ละคนขณะนี้พิสูจน์ได้ มีอะไรกำลังปรากฏที่ตัว ถ้าหาไม่ได้ ปัญญาก็เกิดไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าเคยจำไว้ว่ามีตัวเรากำลังนั่งอยู่ แต่จริงๆ แล้วมีลักษณะอะไรแน่ที่ปรากฏที่กาย อันนี้ต้องมีลักษณะจริงๆ แล้วถ้าหาลักษณะแล้วไม่ใช่รูปที่นั่ง เป็นไปไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น ปัญญาต้องรู้ลักษณะของปรมัตถธรรม ถึงจะรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน เพราะคำว่า “ปรมัตถ์” ก็คือสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล มีลักษณะเฉพาะของตนๆ ต้องรู้ตามความเป็นจริงอย่างนี้ ถึงจะละการยึดถือว่าเป็นตัวตนได้
อย่างเสียง เราบอกว่าเป็นรูปชนิดหนึ่ง เพราะมีจริง ปรากฏทางหู กลิ่นก็มีจริง เป็นรูปชนิดหนึ่ง ก็ไม่ได้นั่ง ไม่ได้นอน แข็งที่กายที่ปรากฏเวลากระทบสัมผัสเวลาแข็ง แข็งก็ไม่ได้นั่ง ไม่ได้นอน โดยเฉพาะถ้าแตกย่อยรูปทางกายออก ทุกคนก็รู้ว่า แตกย่อยออกไปได้ละเอียดยิบ เพราะเหตุว่ามีอากาศธาตุคั่นอยู่อย่างละเอียดมาก รูปที่เราทุกคนคิดว่า นั่งอยู่ทั้งก้อน ทั้งแท่ง มั่นคง ความจริงก็มีอากาศธาตุแทรกคั่น เพราะฉะนั้น ก็เหมือนกับกองของฝุ่นที่ติดกันแน่น เวลาที่รูปแตกกระจัดกระจายออก เป็นส่วนที่เล็กที่สุด ก็ต้องมีรูปรวมกันอย่างน้อยที่สุด ๘ รูป คือ รูปใหญ่ ได้แก่ มหาภูตรูป ๔ ธาตุดิน น้ำ ไฟ ลม นอกจากนั้นยังมีรูปย่อยซึ่งอาศัยเกิดกับมหาภูตรูปอีก ๔ รูป คือ สี กลิ่น รส โอชะ นี่คือรูปที่ละเอียดที่สุด เหมือนกับเนื้อก้อนหนึ่ง เราได้กลิ่นเนื้อ แล้วเราแตกย่อยเนื้อก้อนนั้นให้ละเอียดที่สุด ก็ยังได้กลิ่นของเนื้อนั้น เพราะเหตุว่าเมื่อรวมกันเป็นก้อนใหญ่ กลิ่นก็แรงขึ้น แต่ถึงจะแตกย่อยอย่างไรไป ธาตุดินมี ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม สี กลิ่น รส โอชะ ก็มี
เพราะฉะนั้น ถ้ากระจัดกระจายรูปที่นั่งนี้ออกเป็นกลุ่มเล็กที่สุด จะเอารูปนั่งไว้ที่ไหน ไม่มีรูปนั่งเล็กๆ ที่จะเป็นปรมัตถธรรม ที่ทำให้รู้ความจริงของรูปนั่งได้ เพราะฉะนั้น ก็มีลักษณะของมหาภูตรูป และสี กลิ่น รส โอชะ เมื่อแตกย่อยออกไปละเอียดแล้ว ไม่มีรูปนั่ง แต่มีรูปปรมัตถ์