อิริยาปถบรรพ รู้ได้อย่างไร


    อ.นิภัทร อิริยาปถบรรพ ที่ท่านว่าเวลาเดินก็รู้ว่าเราเดิน เวลานั่งก็รู้ว่าเรานั่ง เวลายืนให้รู้ว่าเรายืน เวลานอนก็ให้รู้ว่าเรานอน ให้รู้อย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ รู้รูปปรมัตถ์

    อ.นิภัทร ไม่ใช่รู้ท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน ท่านอน

    ท่านอาจารย์ เป็นไปไม่ได้ค่ะ อย่างลมหายใจ ขณะที่เป็นอานาปานบรรพ รู้อะไร ก็ต้องมีปรมัตถอารมณ์

    อ.นิภัทร ก็รู้ที่ลมกระทบ

    ท่านอาจารย์ ต้องเป็นปรมัตถ์ ใช่ไหมคะ เพราะฉะนั้น ท่านอน ยืน เดิน ก็ต้องมีรูปที่เป็นปรมัตถ์ที่ปรากฏให้รู้ได้

    อ.นิภัทร นั่ง นอน ยืน เดิน เป็นสมมติบัญญัติ ไม่มีสภาวะ

    ท่านอาจารย์ ถ้าแตกย่อยออกไปจนละเอียดยิบ แล้วออกเป็นมนุษย์ และอุปาทายรูป อย่างน้อยที่สุด ๘ รูป

    อ.นิภัทร ตกลงที่จะเป็นอารมณ์ของสติปัฏฐาน หรือจะเจริญสติปัฏฐาน อารมณ์นั้นต้องเป็นปรมัตถ์อย่างเดียว

    ท่านอาจารย์ มีลักษณะจริงๆ จึงรู้ได้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ถ้าไม่มีลักษณะ เราก็คงนึกเอาเฉยๆ ว่าไม่ใช่ตัวตน นอกจากมีลักษณะเฉพาะแต่ละรูปปรากฏแล้ว รูปนั้นยังเกิดดับด้วย นี่คือปัญญาที่ประจักษ์จริงๆ

    อ.นิภัทร เราจะต้องจำให้แม่นยำว่า อารมณ์ของสติปัฏฐานหรืออารมณ์ที่สติระลึกจะต้องเป็นปรมัตถอารมณ์ คือเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏจริงๆ เท่านั้น อย่างอื่นไม่ใช่ อย่างนี้ใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ คือเราต้องทราบจุดประสงค์ของการแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาคว่าเพื่ออะไร หรือจุดประสงค์ที่เรามานั่งฟังเพื่ออะไร เพื่อรู้จักธรรม เพื่อเข้าใจธรรม เพราะฉะนั้น ธรรมต้องเป็นปรมัตถธรรมที่มีลักษณะจริงๆ ที่ทรงแสดงไว้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ขณะที่กำลังเดินแล้วไปนึกรู้ว่า เรากำลังเดิน เราเดิน จะเป็นปรมัตถธรรมอะไร เป็นการรู้จักธรรมอะไร ในเมื่อทรงแสดงธรรม ทุกคนก็ศึกษาพระอภิธรรม ปิฎกสุดท้ายที่กล่าวเรื่องปรมัตถ์ คือสภาพธรรมที่มีจริง และแต่ละลักษณะก็ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล อย่างแข็ง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน กระทบเมื่อไร แข็งนั้นก็ไม่เปลี่ยนลักษณะ แข็งก็แต่เพียงรูปชนิดหนึ่ง เราเรียนมาอย่างนี้ เรียนจนกระทั่งถึงว่า รูปทั้งหมดมี ๒๘ รูป

    เพราะฉะนั้น เมื่อเรียนรูป ๒๘ รูปแล้ว การอบรมเจริญปัญญาเราจะไม่รู้รูป ๒๘ รูปเท่าที่ปรากฏหรือคะ ถ้าอย่างนั้นเราจะไปรู้สภาพธรรมอะไร ในเมื่อทรงแสดงอภิธรรม ทรงแสดงปรมัตถธรรม ทรงแสดงเรื่องจิต เรื่องเจตสิก เรื่องรูป ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่เป็นอนัตตา

    นี่คือตัวธรรมแต่ละอย่าง แล้วถ้าไม่อบรมปัญญาให้รู้ปรมัตถธรรม จิต เจตสิก รูป แล้วเราจะรู้อะไร แล้วรูปนั้นก็ทรงแสดงไว้ด้วยว่า รูปมี ๒๘ รูป และรูปใดที่ปรากฏทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ในชีวิตประจำวัน รูปนั้นก็เป็นรูปที่ปัญญาจะต้องรู้แล้วละการยึดถือว่เป็นเรา เป็นตัวตน หรือเป็นของเรา


    หมายเลข 2007
    29 ก.ค. 2567