พระพุทธเจ้าทั้งหลายทรงบังเกิดในชมพูทวีป
เมื่อทรงพิจารณาถึงทวีปที่จะทรงบังเกิด ก็ทรงเห็นว่าพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปทั้ง ๓ ทรงบังเกิดในชมพูทวีปเท่านั้น
ที่ทุกท่านอยู่ในโลกนี้ก็คือชมพูทวีป โลกอื่นก็มี แต่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่ทรงบังเกิดในทวีปอื่นคือโลกอื่น นอกจากชมพูทวีปนี้ เพราะฉะนั้น ผู้ที่เกิดในชมพูทวีปนี้ก็เป็นผู้ที่ได้สะสมบุญในอดีตมา โดยเฉพาะที่จะได้เกิดในกาลที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงธรรม หรือ ในกาลที่แม้จะทรงปรินิพพานไปแล้ว แต่พระธรรมก็ยังมีเหลืออยู่ ที่จะให้ได้ฟัง ได้พิจารณา ได้เข้าใจ
แม้แต่ทวีปที่พระโพธิสัตว์จะทรงบังเกิด ก็เพื่อประโยชน์ของสัตว์โลก จึงต้องทรงพิจารณาว่าควรจะบังเกิดที่ทวีปไหน
สำหรับโลกมนุษย์นั้น มี ๔ โลก (ทวีป) คือ ปุพวิเทหทวีป อยู่ทิศตะวันออกของเขาสิเนรุ อปรโคยานทวีป อยู่ทิศตะวันตกของเขาสิเนรุ ชมพูทวีป อยู่ทิศใต้ของเขาสิเนรุ อุตตรกุรุทวีป อยู่ทิศเหนือของเขาสิเนรุ
มองไม่เห็นเขาสิเนรุ มองออกไปไกลเท่าไรก็เห็นแต่อากาศ ท้องฟ้า ดวงดาว จักรวาล ถ้ามีโลกได้ จะมีเขาสิเนรุได้ไหม โลกมนุษย์ไม่มีรูปร่างสัณฐานอย่างภูเขา แต่จะมีสถานที่อย่างโลกนี้ แต่สัณฐานเป็นภูเขาได้ไหม ซึ่งเมื่อกล่าวถึงทวีป (โลก) ทั้ง ๔ ก็พอที่จะกล่าวได้ว่า แต่ละทวีป (โลก) นั้นอยู่ทางทิศไหนของภูเขาสิเนรุนั้น
เรื่องของคนที่ไม่เห็นก็มี ๒ พวก คือ พวกหนึ่งไม่เห็น และไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ แต่อีกพวกหนึ่งเมื่อไม่เห็นแล้ว จะไม่เชื่อเพราะตนเองไม่เห็นเพียงเท่านั้นหรือ หรือว่ามีบุคคลอื่นซึ่งสามารถจะเห็นได้ เหมือนคนตาบอดไม่เห็น แต่คนตาดีเห็น ที่คน ตาบอดบอกว่าทุกอย่างมืด ไม่มีอะไรเลยนั้น ถูกต้องไหม ในเมื่อคนตาดีเห็นสีสัน วรรณะต่างๆ ได้ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น แม้จะไม่เห็นเขาสิเนรุ ไม่เห็นโลกอื่น ไม่เห็นจักรวาลทั้งหลาย แต่บุคคลที่เห็นได้ รู้ได้ จะมีไหม เมื่อเปรียบกับบุคคลที่มีคุณธรรมต่างกัน คือบุคคลที่เป็นปุถุชน บุคคลที่เป็นพระอริยบุคคล จนกระทั่งถึงบุคคลที่เป็นถึงพระอรหันต์ แล้วเหนือจากนั้นอีกคือบุคคลที่เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็จะเห็นได้จริงๆ ว่า ปัญญาไม่เท่ากัน
เพราะฉะนั้น ไม่ใช่ว่าบุคคลหนึ่งบุคคลใดจะคิดเรื่องโลกขึ้นมาเองได้ แต่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดงเรื่องของ "โอกาสโลก " คือโลกตลอดทุกจักรวาลไว้โดยละเอียด
ผู้ที่ไม่เห็นก็ควรที่จะพิจารณาว่า จะรับฟัง และรู้ว่าตัวเองไม่สามารถที่จะเห็นได้ แต่ว่ามีบุคคลอื่นที่จะรู้จะเห็นได้ไหม โดยเฉพาะเมื่อบุคคลนั้นเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า