ทรงแสดงศิลปะ และทรงอภิเษกพระนางยโสธราพิมพา


    ลำดับนั้น พระมหาบุรุษตรัสว่า ควรทำอะไรต่อไป

    ต่อจากนั้นพระราชาทรงโปรดให้พระโพธิสัตว์เอาลูกธนูยิงทะลุแผ่นเหล็กหนา ๘ นิ้ว ต่อจากนั้นทรงให้พระโพธิสัตว์ยิงทะลุกระดานไม้ประดู่หนา ๔ นิ้ว แล้วทรงให้พระโพธิสัตว์ยิงทะลุแผ่นกระดานไม้มะเดื่อหนาคืบหนึ่ง ส่วนเจ้าศากยะทั้งหลายก็ตรัสให้พระโพธิสัตว์ยิงเกวียนบรรทุกทราย เกวียนบรรทุกฟาง เกวียนบรรทุกไม้เลียบ แล้วทรงยิงลูกธนูไปในน้ำอุสภะหนึ่ง บนบกได้ประมาณ ๘ อุสภะ

    นี่ไม่น่าอัศจรรย์เท่ากับการดับกิเลส แต่ว่าก่อนที่จะถึงกาลที่จะดับกิเลสได้ จะเห็นได้ว่าพระกำลังของพระองค์ ความสามารถของพระองค์เป็นเลิศกว่าบุคคลอื่น

    ครั้งนั้น เจ้าศากยะทั้งหลายตรัสกับพระโพธิสัตว์ว่า ควรยิงขนทรายที่หมายไว้ที่ผลมะอึก

    พระโพธิสัตว์ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้นพวกท่านจงผูกผลมะอึกไกลประมาณโยชน์หนึ่ง แล้วให้ผูกขนทรายที่หมายไว้ที่ผลมะอึกไกลประมาณโยชน์หนึ่ง ทรงยิงลูกธนูไป ลูกธนูนั้นไปผ่าขนทรายไกลประมาณโยชน์หนึ่ง แล้วเข้าไปสู่แผ่นดิน

    ไม่ใช่เพียงเท่านั้นอย่างเดียว วันนั้นพระมหาบุรุษทรงแสดงศิลปะที่ใช้กันอยู่ในโลกทุกอย่าง

    ความละเอียดมีในพระไตรปิฏก และอรรถกถา

    ครั้งนั้น เจ้าศากยะทั้งหลายประดับธิดาของตน ส่งไปถวายพระโพธิสัตว์ สตรี ๔ หมื่นนาง ได้เป็นพระสนม ส่วนพระเทวีมารดาพระราหุลได้เป็นพระอัครมเหสี พระมหาบุรุษทรงแวดล้อมด้วยสตรีวัยรุ่นเหมือนเทวกุมารอันเทพธิดาวัยรุ่นแวดล้อมทรงประกอบด้วยดนตรีที่ไร้บุรุษบำเรออยู่ เสวยมหาสมบัติ ประทับอยู่ ณ ปราสาท ๓ หลังนั้น เปลี่ยนไปตามฤดู

    วันคืนล่วงไปจากทรงเป็นพระกุมาร จนทรงอภิเษก ก่อนที่จะทรงได้ตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

    บางท่านอาจจะเคยคิดสงสัยว่า พระโพธิสัตว์มีพระสนมไหม เพราะว่าได้ยินแต่พระนางยโสธราพิมพา จริงๆ แล้วพระโพธิสัตว์มีพระสนม คือ พวกธิดาเจ้าศากยะทั้งหลาย และพระนางยโสธราพิมพานั้นเป็นอัครมเหสี


    หมายเลข 2055
    3 ส.ค. 2567