วิบากต้องอาศัยกรรมเป็นกัมมปัจจัย


    วิบากทั้งหลายที่จะเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยกรรมเป็นกัมมปัจจัย ถ้าไม่มีกรรมแล้ว วิบากย่อมเกิดไม่ได้เลย แต่ที่ไม่ว่าจะเป็นจักขุวิญญาณกุศลวิบาก หรือโสตวิญญาณกุศลวิบาก ฆานวิญญาณกุศลวิบาก ชิวหาวิญญาณกุศลวิบาก กายวิญญาณกุศลวิบาก สัมปฏิจฉันนกุศลวิบาก สันตีรณกุศลวิบาก หรือตทาลัมพนกุศลวิบากก็ตาม ต้องเกิดขึ้นเพราะกรรมที่ได้กระทำแล้วเป็นปัจจัย

    เวลาที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นทำให้บุคคลต่างกันไป จิตที่ทำกิจปฏิสนธิบางประเภทก็มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย บางประเภทก็ไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมด้วย

    นี่ก็แสดงให้เห็นถึงกรรมที่ต่างกันแล้วว่า ถ้ากรรมใดไม่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก จะให้ผลทำให้วิบากที่เกิดร่วมกับปัญญาเจตสิกเกิดไม่ได้เลย แต่ถ้าเป็นกรรมที่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก จะให้เป็นผลเป็นวิบากที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิกได้ไหมคะ ลองคิดดู กรรมที่เป็นไปเกี่ยวเนื่องประกอบกับปัญญาทำให้เกิดวิบาก คือ จิตที่ประกอบกับปัญญาได้ แต่กรรมที่เกี่ยวเนื่องเป็นไปกับปัญญา จะทำให้เกิดวิบากที่ไม่ประกอบกับปัญญาได้ไหม

    นี่ค่ะ เป็นเรื่องที่จะต้องอ่านมาก ฟังมาก ศึกษามาก พิจารณามาก ใคร่ครวญมากเพื่อที่จะได้ไม่ลืมว่า ได้ค่ะ อย่าลืมนะคะ ว่า กรรมที่ประกอบด้วยปัญญาเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดวิบากที่ประกอบด้วยปัญญาได้ นี่ตอนหนึ่ง และกรรมที่ประกอบด้วยปัญญา เกี่ยวเนื่องกับปัญญาทำให้เกิดวิบากซึ่งไม่เกี่ยวเนื่องกับปัญญา ได้ไหม ได้หรือไม่ได้คะ ได้ค่ะ

    มหากุศลมีทั้งหมด ๘ ดวง ทำให้เกิดกุศลวิบาก ๑๖ ดวง เป็นกุศลวิบากที่ประกอบด้วยปัญญากี่ดวง ที่ไม่ประกอบกับปัญญากี่ดวง เห็นไหมคะ ได้หรือไม่ได้

    นี่คือการที่จะต้องศึกษาจริงๆ พิจารณาจริงๆ ยังสงสัยไหมคะในเรื่องนี้ เรื่องของกรรมนั่นเอง แต่เป็นเรื่องที่ละเอียด เพราะฉะนั้นธรรมทั้งหมดที่ได้ทรงแสดงไว้ จะต้องพิจารณา ใคร่ครวญ ไตร่ตรอง จนเป็นความเข้าใจในเหตุในผลจริงๆ

    เมื่อเป็นกุศลที่เกี่ยวเนื่องเป็นไปกับปัญญา เพราะฉะนั้นก็ทำให้เกิดวิบากที่เป็นกุศลที่ประกอบด้วยปัญญาได้ นี่ไม่ผิดค่ะ แต่ก็ทำให้เกิดกุศลวิบากที่ไม่ประกอบกับปัญญาด้วยได้ เพราะเหตุว่ามหากุศลมี ๘ ดวง ประกอบด้วยปัญญา ๔ ดวง ในมหากุศลที่ประกอบด้วยปัญญา ๔ ดวงนั้น ก็ทำให้เกิดมหาวิบากได้ และทำให้เกิดกุศลวิบากที่ไม่ประกอบด้วยปัญญาได้

    สงสัยหรือเปล่าคะ จริงหรือเปล่า เป็นไปได้หรือเปล่า ถ้าเป็นไปไม่ได้จะทรงแสดงไว้ไหมคะว่า ผลของมหากุศล ๘ ดวง ทำให้เกิดกุศลวิบาก ๑๖ ดวง เป็นมหาวิบาก ๘ ดวง เป็นอเหตุกกุศลวิบาก ๘ ดวง

    มีผู้สงสัยในเหตุผลไหมคะว่า ทำไมเป็นอย่างนี้ และจะเป็นได้อย่างไร

    ท่านผู้ฟังซึ่งเริ่มที่จะสนใจพระธรรม ก็เปิดวิทยุฟัง ฟังแล้วก็บอกว่าไม่เข้าใจ มีไหมคะ เป็นมหากุศลหรือเปล่าที่ฟัง เรื่องของสภาพธรรมตามความเป็นจริง ที่ฟังน่ะเป็นมหากุศลหรือเปล่า อย่าลืมนะคะ ที่ฟัง ถามถึงขณะที่ฟัง ไม่ได้ถามถึงขณะที่กำลังฟังแล้วเผลอสติ แต่ขณะที่กำลังฟังนี่เป็นกุศลหรือเปล่า เป็นไหมคะ ถ้าไม่เป็นจะฟังไหม คิดดู ย่อมไม่ฟัง แต่เมื่อฟังแล้วไม่เข้าใจ บอกเลยว่าฟังหลายครั้งแล้วก็ไม่เข้าใจ เพราะฉะนั้นในขณะนั้นจะประกอบด้วยปัญญาไหมคะ ยังไม่ประกอบ แต่ว่าเมื่อมีการฟังแล้วก็เข้าใจบ้าง ยังไม่ใช่การชัดเจนจริงๆ ปัญญาอ่อนหรือคมในขณะที่ฟังแล้วก็เข้าใจบ้าง เพิ่งจะเข้าใจเงาๆ นิดๆ หลังจากที่บางท่านอาจจะฟังมาเป็นเวลานานทีเดียว

    เพราะฉะนั้นถ้ากุศลนั้นให้ผลจะทำให้เกิดพร้อมกับปัญญาเจตสิกไหม นิดเดียวเท่านั้นเอง เพิ่งจะเริ่ม แต่ว่ายังไม่เข้าใจอะไรมากมาย เช่นได้ฟังว่า นามธรรมเป็นธาตุรู้ เป็นสภาพรู้ เป็นอาการรู้ ซ้ำแล้วซ้ำอีกเป็นเดือนเป็นปี ก็ยังคงพูดตาม คิดตามว่า นามธรรมเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้ เป็นลักษณะของปัญญาที่พร้อมจะให้ผลเกิดขึ้นประกอบด้วยปัญญาหรือเปล่า ลองพิจารณาดู เพียงที่ฟัง แล้วก็น้อมไปนิดหนึ่งว่า นามธรรมเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้ จะสามารถทำให้มหาวิบากเกิดพร้อมกับปัญญาเจตสิกได้ไหม เพียงเท่านี้เอง จะเป็นปัจจัยให้มหาวิบากเกิดพร้อมกับปัญญาเจตสิกได้ไหม เพียงเท่านี้เองที่พูดตามไปหลังจากที่ได้ยินได้ฟังบ่อยๆ ว่า นามธรรมเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้ พูดได้ แต่รู้อย่างนั้นหรือเปล่า

    เพราะฉะนั้นระดับขั้นของปัญญา จะเห็นได้ว่ามีหลายระดับขั้นจริงๆ ตั้งแต่เริ่มฟัง เป็นมหากุศลจริง แต่ยังไม่ใช่ญาณสัมปยุตต์ แล้วเมื่อมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นสักนิดสักหน่อย แต่ยังคงเป็นนามธรรมเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ เป็นอาการรู้ โดยที่ยังไม่ได้ประจักษ์ลักษณะของสภาพรู้ ธาตุรู้ อาการรู้ จะเป็นปัจจัยถึงกับให้มหาวิบากเกิดพร้อมกับปัญญาเจตสิกได้ไหม

    เพราะฉะนั้นมหากุศลญาณสัมปยุตต์เป็นปัจจัยให้มหาวิบากญาณสัมปยุตต์เกิดได้ และเป็นปัจจัยให้กุศลวิบากที่ไม่เกิดร่วมกับปัญญาเจตสิกเกิดด้วยได้


    หมายเลข 2130
    2 ส.ค. 2567