พระทีปังกรพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์สุเมธดาบส
พระพุทธเจ้าทรงพระนามว่าทีปังกร ทรงรู้แจ้งโลก ทรงรับเครื่องสักการะที่เขานำมาถวาย ประทับยืนอยู่ที่ภาคพื้นเบื้องศีรษะของเรา ได้ตรัสคำนี้ว่า
พวกเธอท่านจงดูดาบสนี้ ผู้เป็นชฎิล มีตบะกล้า ในกัปนับไม่ถ้วนนับแต่กัปนี้ไป เธอจักเป็นพระพุทธเจ้าในโลก เธอจักเป็นพระตถาคต เสด็จออกจากนครอันมีนามว่ากบิลพัสดุ์ที่น่ารื่นรมย์ ทรงตั้งความเพียรทำทุกรกิริยา ประทับนั่ง ณ โคนต้นไม้อชปาลนิโครธ ทรงรับข้าวปายาส ณ ที่นั้นแล้ว จักเข้าไปประทับ ณ ฝั่งแม่น้ำ เนรัญชรา พระชินเจ้าเสวยข้าวปายาสที่ฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแล้ว จักเสด็จมาประทับ ณ โคนต้นโพธิ์ โดยหนทางที่เขาแต่งไว้เป็นอันดี
แต่นั้นจะทรงทำประทักษิณบัลลังก์อันเป็นที่ผ่องใสแห่งพระโพธิญาณ แล้วจักตรัสรู้ธรรมอันเยี่ยมยอด เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงพระยศอันยิ่งใหญ่ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์
พระมารดาผู้ชนนีของดาบสผู้นี้ จักทรงพระนามว่ามายา พระบิดาจักทรง พระนามว่าสุทโธทนะ ดาบสนี้จักเป็นพระโคตมะ
พระเถระ ๒ รูป คือ โกลิตะ และอุปติสสะผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ มีจิตตั้งมั่น จักเป็นอัครสาวก ภิกษุพุทธอุปัฏฐากชื่อว่าอานนท์ จักอุปัฏฐาก พระชินเจ้านั้น
นางเขมา และนางอุบลวรรณาผู้ไม่มีอาสวะ ปราศจากราคะ มีจิตสงบ มีจิต ตั้งมั่น จักเป็นอัครสาวิกา ไม้เป็นที่ตรัสรู้ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น ชื่อว่าอัสสัตถะ
พวกมนุษย์ และเทวดาได้ยินพระดำรัสของพระทศพลทีปังกร ผู้ซึ่งไม่มีใครเสมอเหมือนนี้ว่า ผู้นี้จะเป็นหน่อพุทธางกูลผู้รู้แจ้งดังนี้แล้ว ก็พากันชื่นชมทุกทั่วหน้า เสียงโห่ร้องก็บันลือลั่น พวกมนุษย์ และพวกเทวดาทั้งหมื่นโลกธาตุก็ปรบมือ กระพุ่มหัตถ์นมัสการ ตั้งความปรารถนาไว้ว่า แม้ถ้าว่าพวกเราจักพลาดจากศาสนาของ พระโลกนาถนั้น ต่อไปในอนาคตกาลพวกเราก็จักพบกันกับดาบสนี้เฉพาะพระพักตร์ ถ้าหากว่าพวกเราทุกคนพลาดจากพระชินเจ้าพระองค์นี้เสีย ต่อไปในอนาคตกาล พวกเราก็จะพบกันกับดาบสนี้เฉพาะพระพักตร์ อุปมาเหมือนพวกมนุษย์จะข้ามนทีธาร พลาดจากท่าตรงข้าม ครั้นมายึดท่าตอนล่างได้แล้ว ก็ข้ามมหานทีได้ ฉะนั้น
ที่มา ...