พุทธการกธรรม : เมตตาบารมี


    ข้อความต่อไปมีว่า

    อันพุทธการกธรรมนั้นจักมีแต่เพียงเท่านี้ก็หามิได้ เราจักเลือกเฟ้นธรรมอันเป็นเครื่องบ่มโพธิญาณอื่นอีก เมื่อเราเลือกเฟ้นในกาลนั้น ได้พบเมตตาบารมี ซึ่งพระพุทธเจ้าผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ครั้งก่อนๆ ได้บำเพ็ญอบรมกันมา จักเป็น พุทธการกธรรมข้อที่ ๙ สอนตนว่าดังนี้

    เธอจงสมาทานเมตตาบารมี อันเป็นพุทธการกธรรมข้อที่ ๙ นี้ ทำให้มั่นต่อไป เธอจงเป็นคนที่ไม่มีใครเสมอด้วยเมตตา ถ้าเธอปรารถนาจะบรรลุโพธิญาณ ชื่อว่าน้ำย่อมแผ่ความเย็น ล้างมลทิน คือ ธุลี ในคนทั้งดี และชั่วสม่ำเสมอกัน ฉันใด แม้เธอก็เหมือนกัน จงเจริญเมตตาสม่ำเสมอในคน ทั้งผู้ที่เกื้อกูล และไม่เกื้อกูล เธอบำเพ็ญเมตตาบารมีแล้วจักได้บรรลุสัมโพธิญาณแล

    ในขณะที่สุเมธดาบสคิดอย่างนี้ ถ้าท่านผู้ฟังจะตั้งใจอย่างนี้ด้วย ก็จะเป็นบารมีประการหนึ่ง เพราะว่า ชื่อว่าน้ำ ย่อมแผ่ความเย็น ล้างมลทิน คือ ธุลี ในคนทั้งดี และชั่วสม่ำเสมอกัน ฉันใด แม้เธอก็เหมือนกัน จงเจริญเมตตาสม่ำเสมอในคน ทั้งผู้ที่เกื้อกูล และไม่เกื้อกูล ไม่เลือก เมตตาเป็นกุศลซึ่งทำให้บุคคลที่อยู่ใกล้ชิดได้รับความผาสุกทั้งกาย และใจ เพราะว่าเป็นเหตุให้มีความเกื้อกูลอนุเคราะห์สงเคราะห์กัน ซึ่งโลกจะผาสุกอยู่ได้ก็ด้วยเมตตา ในวันหนึ่งๆ ลองคิดดู ที่ได้รับความสุขนี้เป็นเพราะเมตตาซึ่งกัน และกัน ใช่หรือมิใช่

    เพราะฉะนั้น สำหรับบารมีข้อที่ ๙ ก็เป็นสิ่งที่จะทำให้ทุกท่านได้อยู่ร่วมกันด้วยความผาสุก และเจริญขึ้นในกุศลด้วย

    เคยคิดที่จะเมตตาสม่ำเสมอในคน ทั้งที่เกื้อกูล และไม่เกื้อกูลไหม คือหมายถึง ทุกคน ไม่เลือก ถ้าเลือก ยังไม่ใช่เมตตาที่สม่ำเสมอ

    ที่มา ...

    แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ 738


    หมายเลข 2234
    31 ธ.ค. 2566