บารมี ๑๐ เป็นเครื่องบ่มโพธิญาณ
ถ้าพิจารณาแล้วจะเห็นได้จริงๆ ว่า บารมีทั้ง ๑๐ นี้ เป็นสิ่งที่จำเป็น และเกื้อกูลในการที่จะเจริญกุศล
ข้อความต่อไปมีว่า
ธรรมเครื่องบ่มโพธิญาณในโลกมีจำนวนเท่านี้แล นอกจากนี้แล้วไม่มีอะไรอีก เธอจงตั้งมั่นอยู่ในธรรมเหล่านั้น เมื่อเราเลือกเฟ้นธรรมอันมีสภาวะหน้าที่ และลักษณะเหล่านี้อยู่ ด้วยเดชแห่งธรรม พสุธาได้หวั่นไหวทั่วไปทั้งหมื่นโลกธาตุ แผ่นดินไหวเสียงลั่นดุจเครื่องยนต์หีบอ้อยที่ถูกบีบฉะนั้น แผ่นดินย่อมหมุนอย่างเดียวกันกับจักรเครื่องยนต์น้ำมันหมุนฉะนั้นแล
บริษัทที่อยู่ในที่อังคาสพระพุทธเจ้านั้น ย่อมโงนเงนเป็นลมล้มนอนอยู่ ณ ภาคพื้นในที่นั้น หม้อน้ำหลายพัน และกระถางหลายร้อย ย่อมกระทบซึ่งกัน และกันแตกละเอียดอยู่ในที่นั้น มหาชนสะดุ้งตกใจกลัว ตื่นเต้น มีใจอันหวาดหวั่น มาประชุมกันเฝ้าพระทีปังกรพุทธเจ้า กราบทูลถามว่า
ความร้ายหรือดีจักมีแก่โลก โลกย่อมปั่นป่วนทั่วกันทั้งหมด ขอพระองค์ผู้มี พระจักษุ จงได้โปรดบรรเทาความปั่นป่วนนั้น
พระมหามุนีทีปังกรพุทธเจ้าตรัสให้ชนเหล่านั้นทราบในเวลานั้นว่า
พวกท่านจงวางใจเถิด อย่ากลัวเลย เพราะเรื่องแผ่นดินไหวนี้ ดาบสที่เราทำนายไว้ในวันนี้ว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในโลกนั้น เธอเลือกเฟ้นธรรมที่พระชินเจ้าบำเพ็ญกันมาแต่ครั้งก่อนๆ เมื่อเธอเลือกเฟ้นธรรมอันเป็นภูมิของพระพุทธเจ้าโดยหาส่วนเหลือมิได้แล้ว แผ่นดินที่ไหวทั่วหมื่นโลกธาตุรวมทั้งเทวโลกนี้ ย่อมเกิดด้วยเหตุนั้นแล
เพราะได้ฟังคำของพระพุทธเจ้า ใจของเขาย่อมสงบลงทันที เขาทั้งหมดเข้าไปอภิวาทเราอีกครั้งหนึ่ง เราสมาทานพระพุทธคุณ ทำใจให้มั่น นมัสการพระทีปังกรพุทธเจ้าแล้ว ลุกจากอาสนะในเวลานั้นแล
นี่เมื่อครั้งเป็นสุเมธดาบส ซึ่งพระองค์จะต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีถึง ๔ อสงไขยแสนกัป หลังจากที่ได้รับคำพยากรณ์จากพระทีปังกรพุทธเจ้าแล้ว เพราะฉะนั้น ท่านผู้ฟังจะเห็นคุณค่าของพระธรรมว่า กว่าที่จะได้รับฟังจากพระโอษฐ์ มีโอกาสที่จะได้ยินได้ฟังพระธรรมที่ทรงแสดง พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าต้องทรงบำเพ็ญพระบารมีมากถึง ๔ อสงไขยแสนกัป
ที่มา ...