พระอโนมทัสสี พระปทุมะ และพระนารทพุทธเจ้า
ในกาลต่อจากพระศาสดาพระนามว่าโสภิตะพระองค์นั้นมา ล่วงไปหนึ่งอสงไขย ในกัปนี้ พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้น ๓ พระองค์ คือ พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า ๑ พระปทุมพุทธเจ้า ๑ และพระนารทพุทธเจ้า ๑
ในสมัยแห่งพระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นเสนาบดียักษ์ตนหนึ่ง มีฤทธิ์มาก มีอานุภาพมาก แม้พระศาสดาก็ได้ทรงพยากรณ์ พระโพธิสัตว์นั้นว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล ซึ่งเป็นการพยากรณ์ครั้งที่ ๗
ในกาลต่อจากพระศาสดาพระนามว่าอโนมทัสสีพระองค์นั้นมา พระศาสดาพระนามว่า ปทุมะ ก็ทรงอุบัติขึ้น ในกาลนั้น ครั้นเมื่อพระตถาคตเจ้าประทับอยู่ ณ ชัฏป่านั้นเอง พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นพญาราชสีห์ พระศาสดาทรงตรวจ ภูมิธรรมในใจของพญาราชสีห์นั้นแล้วได้ทรงพยากรณ์เป็นครั้งที่ ๘ ว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
สมัยนี้ในป่าจะมีพญาราชสีห์ไหม ซึ่งอาจจะเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์ใดพระองค์หนึ่งในอนาคต ไม่มีบุคคลใดสามารถที่จะรู้ได้ แต่ว่าพญาราชสีห์ที่มีภูมิธรรมในใจ ต้องแสดงถึงศรัทธา และกุศลจิตในขณะนั้นด้วย คือ ในครั้งนั้นเมื่อพญาราชสีห์ได้เห็นพระศาสดาเข้านิโรธสมาบัติ มีจิตเลื่อมใส หมอบลง กระทำประทักษิณ เกิดปีติโสมนัส บันลือสีหนาท ๓ ครั้ง ไม่ละปีติซึ่งมีพระพุทธเจ้าเป็นอารมณ์ เพราะความสุขที่เกิดจากปีตินั่นเองจึงไม่ยอมหลีกไปหากิน กระทำการสละชีวิต ได้ไปยืนเฝ้าอยู่ตลอด ๗ วัน นี่เป็นการได้รับพยากรณ์เป็นครั้งที่ ๘
ข้อความต่อไปมีว่า
ในกาลต่อจากพระศาสดาพระนามว่าปทุมะพระองค์นั้นมา พระศาสดา พระนามว่า นารทะ ก็ทรงอุบัติขึ้น ในกาลนั้น พระโพธิสัตว์ทรงผนวชเป็นฤๅษี ประพฤติเชี่ยวชาญในอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ถวายมหาทานแก่พระภิกษุสงฆ์มีองค์พระพุทธเจ้าเป็นประธาน ได้กระทำการบูชาด้วยจันทน์แดง แม้พระศาสดาพระองค์นั้นก็ได้ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์นั้นเป็นครั้งที่ ๙ ว่า จักเป็นพระพุทธเจ้าในอนาคตกาล
ข้อความใน อรรถสาลินี มีละเอียดกว่านี้ แต่ที่กล่าวถึงโดยย่อ เพียงที่จะให้ท่านผู้ฟังได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคได้ทรงบำเพ็ญพระบารมีโดยเกิดเป็นบุคคลใด ในครั้งไหน ซึ่งใน อรรถกถา อรรถสาลินี จะมีข้อความโดยละเอียดถึงพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ที่ทรงอุบัติว่า แต่ละพระองค์นั้นมีใครเป็น พระพุทธมารดา พระพุทธบิดา และมีการประชุมครั้งแรกเมื่อไร กี่ครั้ง หรือว่ามีสาวกที่ไปประชุมด้วยกันกี่ครั้ง
ที่มา ...