พระติสสะ และ พระปุตสพุทธเจ้าทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์
ข้อความต่อไป ซึ่งใกล้เข้ามาอีก
ในกาลต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าสิทธัตถะพระองค์นั้นมา นับแต่กัปนี้ไปในที่สุดเก้าสิบสองกัป ในกัปเดียวกันพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น ๒ พระองค์ คือ พระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะ ๑ พระพุทธเจ้าพระนามว่าผุสสะ ๑
ในสมัยแห่งพระติสสพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า สุชาตะ มีพระราชสมบัติมากมาย มีพระอิสริยยศยิ่งใหญ่ ทรงผนวชเป็นฤๅษี ถึงความเป็นผู้มีฤทธิ์มาก ได้สดับว่า พระพุทธเจ้าทรงอุบัติขึ้นแล้ว ถือเอาดอก มณฑาทิพย์ ดอกปทุม และดอกปาริชาติ มาบูชาพระตถาคตผู้กำลังเสด็จพระดำเนินอยู่ท่ามกลางบริษัท ๔ ดอกไม้นั้นได้กั้นเป็นเพดานดอกไม้อยู่ในนภากาศ แม้พระศาสดาพระองค์นั้นก็ได้ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์นั้นเป็นครั้งที่ ๑๗ ว่า นับแต่นี้ไปในที่สุด ๙๒ กัป จักเป็นพระพุทธเจ้า
ถ้ามีใครพยากรณ์ท่านผู้ฟังเวลานี้ว่า อีก ๙๒ กัปจะได้รู้แจ้งอริยสัจธรรม รู้สึกอย่างไร ก็ยังมีความหวังใช่ไหม ๙๒ กัป ก็ค่อยๆ ผ่านไปแต่ละขณะ แต่ละนาที แต่ละวันไป แต่ละภพ แต่ละชาติ จนในที่สุดก็คงจะถึง ๙๒ กัป
ข้อความต่อไปมีว่า
ในกาลต่อจากพระพุทธเจ้าพระนามว่าติสสะพระองค์นั้นมา พระศาสดา พระนามว่า ผุสสะ (บางแห่งเป็น ปุสสะ) ทรงอุบัติขึ้น ในกาลนั้นพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็นกษัตริย์พระนามว่า วิชิตาวี สละพระราชสมบัติมากมาย ทรงผนวชในสำนักพระศาสดา เรียนจบพระไตรปิฎก สอนธรรมแก่มหาชน และได้บำเพ็ญศีลบารมี แม้พระศาสดาพระองค์นั้นก็ได้ทรงพยากรณ์พระโพธิสัตว์นั้นเป็นครั้งที่ ๑๘ ว่าจักเป็นพระพุทธเจ้า
เรียนจบพระไตรปิฎก เพราะฉะนั้น ที่กำลังฟังอยู่ ที่กำลังศึกษาอยู่นี้ ยังไม่จบก็ยังไม่พอ ก็ยังต้องศึกษาไปเรื่อยๆ ฟังไปเรื่อยๆ อบรมเจริญกุศลไปเรื่อยๆ
ที่มา ...