เร็วหรือช้าไม่สำคัญ ต้องเป็นปัญญา
คนมีโลภะก็ไม่รู้ว่า อยู่ที่ไหน เมื่อไร แม้แต่เพียงต้องการที่จะถึงเร็วๆ ถ้าตัดออกเสีย คนหนึ่งไม่ต้องการถึงเร็ว แต่ต้องการอบรมปัญญาที่รู้จริงๆ อย่างไหนจะถูกต้องกว่ากัน เร็วหรือช้าไม่สำคัญ ขอให้เป็นความรู้จริงๆ ในลักษณะของสภาพธรรมสำหรับคนที่อบรมมามากแล้ว รู้เร็ว ไม่ช้าเลย ท่านพระสารีบุตรเป็นพระโสดาบันหลังจากที่ฟังท่านพระอัสสชิ แล้วหลังจากนั้น ๑๕ วัน ท่านก็ได้เป็นพระอรหันต์ เพราะว่าท่านสะสมเหตุมาพอที่ผลอย่างนั้นจะเกิดแต่ถ้าคนที่ยังไม่ได้สะสมเหตุที่จะให้เป็นพระโสดาบัน แต่ก็อยากจะเป็น ก็เป็นไม่ได้ แต่แทนที่อยากจะเป็น สติเกิดระลึก ปัญญารู้ พิจารณาถูก แทนโลภะเกิด ก็เป็นสติ เป็นปัญญา ทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็มีโอกาสที่จะประจักษ์แจ้งลักษณะสภาพธรรมได้ เพราะว่าเหตุสมควรแก่ผล แต่ถ้าเหตุไม่สมควรแก่ผล อยากสักเท่าไร ผลก็ย่อมเกิดไม่ได้
เพราะฉะนั้นแทนที่จะอยากขอให้เป็นปัญญาที่รู้ความจริงว่า ปัญญารู้อะไรและปัญญารู้ในขณะนี้ได้ไหม ถ้าเป็นปัญญาแล้ว ย่อมสามารถที่จะเกิดขึ้นประจักษ์แจ้งลักษณะที่เกิดดับของสภาพธรรมขณะไหนก็ได้ เพราะแม้ขณะนี้เองสภาพธรรมก็กำลังเกิดดับอยู่เห็นเกิดดับ ถ้าประจักษ์แจ้งก็เป็นพระอริยบุคคลได้ คิดนึกกำลังเกิดขึ้นแล้วดับไป ถ้าประจักษ์แจ้งก็เป็นพระอริยบุคคลได้ แต่ถ้าไม่รู้อะไรเลย จะให้เป็นพระอริยบุคคลก็ไม่ได้