เจ้าตำราไม่ใช่ผู้คล้อยตามความจริง


    ท่านอาจารย์ ถ้าเวลาเราโกรธ เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล
    ผู้ฟัง อกุศล
    ท่านอาจารย์ ถ้ารู้ว่าอกุศลไม่ดี มีการระลึกได้ แล้วไม่โกรธ ก็คือผู้ที่คล้อยตาม

    ผู้ฟัง เป็นในลักษณะที่ว่าเห็นโทษ

    ท่านอาจารย์ จริงๆ แล้วก็คือว่าผู้ที่อ่านมาก ฟังมาก หรือเรียนมาก อยู่ที่ว่าเข้าใจจริงๆ มากหรือเปล่า อาจจะเป็นเจ้าตำรา สามารถที่จะรู้ว่าคำนั้นอยู่ที่ไหน หมายความอะไร แต่ว่าไม่เข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม ไม่เข้าถึงอรรถ ก็บอกได้ใช่ไหมว่าอะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล มีกี่ดวง แต่เวลาที่กุศลจิตกำลังเกิด หรืออกุศลจิตกำลังเกิดก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่รู้อย่างนั้น ชื่อว่ารู้อรรถ หรือว่ารู้เพียงตำรา ถ้ารู้เพียงตำราก็ไม่สามารถที่จะรู้ว่าขณะใดจิตนั้นเป็นกุศล หรือ อกุศล แต่ผู้ที่เข้าถึงลักษณะของสภาพธรรม ก็สามารถที่จะคล้อยตามปัญญาที่ได้ศึกษา เพราะฉะนั้นปัญญาก็จะเป็นสภาพธรรม ที่เป็นปัจจัยให้กุศลเจริญขึ้นทุกประการได้ ถ้าไม่มีความเข้าใจธรรม กุศลทุกประการก็เจริญไม่ได้ อย่างมากก็เพียงขั้นทาน และศีล ตามอุปนิสัย แต่ถ้ามีความเข้าใจมากขึ้น กุศลทั้งหลายก็เจริญขึ้นด้วย

    ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์กล่าวว่าคล้อยตาม ที่ถ้าเกิดฟังดู ถ้าเกิดเป็นทาน เป็นศีล ก็พอใจประพฤติปฏิบัติเห็นได้ แต่ว่าถ้าเกิดเป็นสติปัฏฐาน คล้อยตามนี้คือสติปัฏฐานเกิดบ่อยๆ ใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ หมายความว่าไม่ผิดทาง ถึงยังไม่เกิด แต่ก็ไม่เข้าใจผิดว่าจะต้องไปทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่สติปัฏฐาน เพราะคิดว่าจะช่วยเกื้อกูลให้เป็นสติปัฏฐาน

    ผู้ฟัง แม้แต่กระทั่งในการคิดในเรื่องราวของกุศล อกุศล ก็ไม่ใช่เป็นการคล้อยตาม

    ท่านอาจารย์ ถ้าเป็นกุศลก็คล้อยตามความเป็นจริง

    ผู้ฟัง ถ้าเป็นแค่ความคิด

    ท่านอาจารย์ แค่ความคิดก็เป็นกุศล วันหนึ่งๆ คิดที่เป็นกุศลเกิดบ่อยไหม

    ผู้ฟัง นิดๆ หน่อยๆ

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นถ้าฟังมาก เข้าใจมาก คิดที่เป็นกุศลก็เกิดคล้อยตามปัญญาที่ได้เข้าใจ

    ผู้ฟัง แต่นั่นก็ยังไม่ใช่หนทางใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ ถ้าไม่มีขั้นคิดเลย จะให้มีสติปัฏฐานทันทีได้ไหม

    ผู้ฟัง แม้จะคิดว่า ขั้นคิดเป็นการเสียเวลา

    ท่านอาจารย์ เสียอย่างไร ถ้ากุศลจิตเกิดเสียเวลาหรือเปล่า

    ผู้ฟัง เร็วกว่า ตรงกว่า

    ท่านอาจารย์ แล้วอย่างไร

    ผู้ฟัง กว่าที่จะคิดหมกมุ่นอยู่

    ท่านอาจารย์ แล้วอย่างไร ถ้ารู้อย่างนี้แล้วอย่างไร จะทำอย่างไรหรือเปล่า

    ผู้ฟัง ก็เลยบอกอย่าเสียเวลาคิดเลยจะดีกว่า

    ท่านอาจารย์ เพราะฉะนั้นทำอย่างไร มาถึงจุดที่จะคล้อย หรือไม่คล้อยแล้ว ถูกโลภะพาไปหรือยัง

    ผู้ฟัง ก็อะไรจะเกิดก็ระลึกรู้

    ท่านอาจารย์ มีความเข้าใจขึ้น ว่าไม่ใช่เรา เพราะว่าการฟังธรรมทั้งหมด เพื่อถึงการประจักษ์แจ้งว่าเป็นธรรมที่ไม่ใช่เรา


    หมายเลข 2290
    4 ต.ค. 2567