อานาปานสติสมาธิที่เป็นมหาสติปัฏฐาน
ผู้ฟัง คำว่า ไม่มีสติระลึกรู้ตามความเป็นจริง เช่น ถามเขาว่า เป็นสุขไหม เขาก็ตอบว่าเป็นสุข
ท่านอาจารย์ ความสุข ตัวตนเป็นสุข ความสุขมี แต่หลงลืมสติไม่รู้ว่า ลักษณะที่เป็นสุขนั้นเป็นเพียงสภาพที่เกิดขึ้นแล้วดับไป เป็นสภาพความรู้สึกชนิดหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นจึงมีแต่การเป็นตัวตน เพราะฉะนั้นการเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่การเจริญสมาธิ หลายท่านที่ได้ฟังเรื่องการเจริญสติปัฏฐานแล้วก็เสียดายเวลาของท่านที่ไปนั่งหลับตา และกล่าวว่า แทนที่จะไปนั่งหลับตาจดจ้องอยู่ที่อารมณ์เดียวแล้วไม่รู้อะไร ทำไมไม่ระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ และเพิ่มความรู้ชัดเพื่อคลายความไม่รู้ คลายความสงสัย คลายการยึดถือสภาพที่ปรากฏตลอดเวลานี้ว่าเป็นตัวตนเสีย เพราะถ้าจดจ้องอยู่ที่อารมณ์เดียวแล้ว ไม่รู้อารมณ์อื่นแน่นอน ปัญญารู้ชัดเมื่อสติระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏมากจึงเป็น “มหาสติปัฏฐาน” เพราะเหตุว่า ทรงแสดงเรื่องอานาปานสติสมาธิว่า เจริญอย่างไรจึงมีผลมาก จึงมีอานิสงส์มาก คือ ต้องเห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม ไม่ใช่ให้รู้ที่ลมหายใจเท่านั้น เพราะฉะนั้น การเจริญสมาธิเป็นอานาปาน รู้ที่ลมหายใจเท่านั้นเป็นอานาปานสติสมาธิ ไม่รู้อย่างอื่นเลย แต่เวลาที่อานาปานสติสมาธิเจริญอย่างไรจึงมีผลมาก มีอานิสงส์มาก อานาปานสติสมาธินั้นจะต้องมีสติ เห็นกายในกาย เวทนาในเวทนา จิตในจิต ธรรมในธรรม จึงจะเป็นการเจริญอานาปานสติสมาธิที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก มิฉะนั้นก็จะเป็นการเจริญเพียงอานาปานสติสมาธิที่บรรลุปฐมฌาน ทุติยฌาน ตติยฌาน จตุตถฌาน แต่ไม่เห็นกายในกาย ไม่เห็นเวทนาในเวทนา
ผู้ฟัง ………
ท่านอาจารย์ ไม่ใช่ด้วยตัวตนที่จะต่อ แต่เพราะเป็นผู้มีปกติเจริญสติ สติจึงระลึกกายในกายที่ลมหายใจได้ ระลึกเวทนาที่เกิดเมื่อหายใจเข้า หายใจออกได้ ระลึกสภาพของจิตในขณะที่หายใจเข้า ในขณะที่หายใจออกได้ ระลึกถึงสภาพของธรรมในขณะที่หายใจออก หายใจเข้าได้ ไม่ใช่ให้จ้องอยู่ที่เดียว ถ้าเป็นการเจริญสมถภาวนา อานาปานสติสมาธิรู้ที่เดียวคือ ลมหายใจ แต่อาปานสติสมาธิที่เป็นมหาสติปัฏฐาน จะต้องเห็นกายในกาย ขณะหายใจออกขณะหายใจเข้า เห็นเวทนาในเวทนา ขณะหายใจออกขณะหายใจเข้า ไม่ใช่ให้รู้เพียงที่เดียว เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเจริญสติปัฏฐาน และก็คิดว่า ต้องรู้อารมณ์เดียว จะเป็นการเจริญปัญญาได้ไหม ไม่ได้ได้รู้อะไรปัญญาจะเจริญได้อย่างไร อยู่ที่เดียวไม่มีหนทางเลยที่ปัญญาจะเจริญขึ้น ละอะไรไม่ได้ ยังยินดีพอใจ จดจ้องต้องการ ไม่ใช่การเจริญมหาสติปัฏฐานแน่นอน