อสุภะ ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน


    ท่านอาจารย์ ในเรื่องของอสุภะ เวลาที่เห็นศพในลักษณะต่างๆ ไม่ได้ยึดถือใช่ไหม แล้วที่ตัวปฏิกูลเหมือนกันไหม ทำไมจึงยึดถือ ที่ศพ ที่อสุภะ เย็นไหมลองจับดู ที่ตัวนี้เย็นไหม ก็เย็น แล้วทำไมยึดถือ เพราะฉะนั้นเหตุที่อสุภะอยู่ในกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน เพื่อระลึกรู้สภาพความจริงของอสุภะว่า มีลักษณะที่ไม่ได้ต่างจากที่กายนี้ อสุภะมีเย็น ที่กายก็มีเย็นเหมือนกัน แล้วจะไปหลงยึดถือที่ตัวนี้ทำไม นี้เป็นเรื่องของการเจริญสติปัฏฐานที่ไม่ได้มุ่งให้ไปเพ่งจ้องอสุภะจนเกิดนิมิตเป็นปฐมฌาน นั่นเป็นเรื่องของสมถภาวนา แต่ว่าเรื่องวิปัสสนาภาวนาหรือมหาสติปัฏฐานมีการพิจารณาโดยนัยต่างกัน แต่ก็เป็นเรื่องของความจริงเพื่อให้ละคลายเหมือนกัน ในเมื่อไม่ยึดถืออสุภะภายนอกฉันใด ไฉนจึงหลงยึดถือสภาพของสิ่งที่มีอสุภะที่กายนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น การเจริญสติปัฏฐานเพื่อให้ระลึกแล้วรู้ชัด ไม่ใช่ระลึกเฉยๆ ระลึกแล้วรู้ชัดรู้ได้ทุกอย่าง อสุภะมีเย็น กายมีเย็น อสุภะมีสี กายมีสี ทุกอย่างอสุภะมี ที่กายก็มี เมื่อเห็นอสุภะแล้วระลึกได้ก็ควรระลึกที่จะไม่ยึดถือกายนี้โดยความรู้ชัดในลักษณะ ไม่ใช่เพียงนึก ไม่ใช่เพียงมีสติแล้วนึก แต่มีสติแล้วรู้ชัดจึงละ ลักษณะของกลิ่นเป็นสภาพที่ปรากฏทางจมูกใช่ไหม

    ผู้ฟัง อสุภะหมายความถึงซากศพที่กำลังขึ้นอืด มีกลิ่นรุนแรงมาก แต่ที่กายของเราๆ ก็ไม่ได้กลิ่นกายรุนแรงเช่นเดียวกับอสุภะ ตรงนี้หมายความว่าอย่างไร

    ท่านอาจารย์ กายของเราคงจะหอมกว่าของคนอื่น ถ้ามีเขามีเรา ความจริงกลิ่นใดๆ ไม่ว่าจะเป็นอนิฏฐารมณ์หรืออิฏฐารมณ์ ลักษณะที่แท้จริงก็เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางจมูก เพราะฉะนั้น กลิ่นอสุภะทำให้เกิดวิราคะ น้อมระลึกถึงสภาพที่เป็นอสุภะที่ทำให้ไม่หลงไม่ติด แต่ว่าผู้ที่เจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ระลึกแค่นั้น แต่ระลึกแล้วรู้ชัดในสภาพที่ปรากฏทางจมูกเป็นลักษณะของรูปชนิดหนึ่งเท่านั้น เพราะฉะนั้น ที่กายบางครั้งหอม


    หมายเลข 2398
    31 ก.ค. 2567