จะต้องศึกษาปริยัติธรรมให้ละเอียดแค่ไหน
มีท่านผู้ฟังท่านหนึ่งถามว่า จะต้องศึกษาปริยัติธรรมละเอียดสักแค่ไหนจึงจะปฏิบัติ ซึ่งก็ขอเรียนให้ทราบว่า ที่ว่าเป็นปริยัติธรรมที่ละเอียดนี้ไม่ได้อยู่ทีอื่นเลย แต่อยู่ที่ทุกท่านในขณะนี้ ตามปกติตามความเป็นจริง เพียงแต่ว่าท่านจะเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏที่ตัวท่าน แต่ละบุคคลละเอียดแค่ไหน โดยไม่ละเอียดก็ทราบว่า สภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นนามธรรมบ้าง เป็นรูปธรรมบ้าง เช่น กำลังเห็นเป็นสภาพรู้ เป็นธาตุรู้ สิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นนามธรรม เสียงเป็นรูปธรรม ได้ยินเป็นนามธรรมเป็นต้น นี่โดยความไม่ละเอียด
แต่แม้กระนั้นก็ยังยึดถือเห็น ยึดถือได้ยิน ยึดถือสิ่งที่ปรากฏทางตา หรือว่าเสียงที่ปรากฏทางหูว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคลเป็นตัวตน เป็นวัตถุ สิ่งต่างๆ ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นนามธรรม และรูปธรรม ก็ยังไม่พอ
เพราะฉะนั้นที่จะปฏิบัติธรรมไม่ใช่รอให้จบ ให้เรียนจบ หรือให้ละเอียดถึงขั้นนั้น ขั้นนี้ แต่ขณะใดที่ศึกษาเรื่องสภาพธรรมที่กำลังมีอยู่เกิดขึ้นปรากฏ และมีความเข้าใจเพิ่มขึ้นจะเป็นสังขารขันธ์ปรุงแต่งให้สติเกิดระลึกได้ตามที่เข้าใจแล้วว่า สภาพธรรมแต่ละอย่างซึ่งไม่ใช่ตัวตนนั้น สภาพธรรมใดไม่ใช่ตัวตนเพราะเป็นนามธรรมชนิดใด สภาพธรรมใดเป็นรูปธรรมไม่ใช่ตัวตน เพราะเหตุว่าเป็นสภาพของรูปธรรมชนิดใด
แต่แม้กระนั้นทุกท่านก็กล่าวว่า หลงลืมสติมากเหลือเกิน ก็เพราะการฟังหรือการเข้าใจเรื่องสภาพธรรมยังไม่ละเอียดพอ ยังไม่เป็นพหูสูต ยังไม่เป็นปัจจัยที่จะทำให้ตรึก พิจารณาลักษณะของสภาพธรรม ตามที่ได้ยินได้ฟัง จนกระทั่งเป็นความเข้าใจที่แจ่มแจ้งขึ้น ชัดเจนขึ้น เป็นสัญญาที่มั่นคง ทำให้ไม่หลงลืม แล้วสติก็สามารถที่จะเกิดขึ้น ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ
แต่ถ้าตราบใดยังขาดการฟัง หรือว่าการเข้าใจความละเอียดของสภาพธรรม แม้สติเกิดบ้าง ปัญญาก็ยังไม่คม ที่จะละการยึดถือสภาพธรรมที่ปรากฏว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตนได้
ทำอย่างไรปัญญาจึงจะคมขึ้น เพราะเหตุว่าสติก็ไม่มีปัจจัยที่จะเกิดบ่อยเท่ากับอวิชชา หรืออกุศลธรรม ซึ่งสะสมพอกพูนมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะฉะนั้นทางเดียวคือฟังพระธรรมโดยละเอียดยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเครื่องปรุงประกอบเป็นสังขารขันธ์ เวลาที่สติระลึกรู้ลักษณะของสภาพนามธรรมใด รูปธรรมใด ความเข้าใจในลักษณะที่เป็นอนัตตาโดยละเอียดยิ่งขึ้นของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น จะเกื้อกูลทำให้ปัญญาคมขึ้น เพราะเหตุว่ารู้ว่าสภาพนั้นๆ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน อย่างไรตามที่ได้ยินได้ฟัง