จนกว่าจะสละความเป็นเราได้ทั้งหมด
พระธรรมทั้งหมดที่เป็นคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นเรื่องละ ต้องลืมไม่ได้เลย ถ้าใครคิดว่า จะต้องการหรือจะได้ นั่นคือความเป็นเรา ความเป็นตัวตนของเรา ซึ่งทำให้ต้องการ และไม่มีวันจะถึงอะไรเลย เพราะเหตุว่าโลภะเป็นเครื่องเนิ่นช้า และก็ไม่สามารถที่จะทำให้เข้าใจลักษณะสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ แต่ใครก็ตามถ้ารู้ตามความเป็นจริงว่า มีอกุศลมากเท่าไร และการที่จะรู้ความจริงของสภาพธรรมก็คือในขณะนี้ จะเป็นโพชฌงค์ หรือว่าจะเป็นสติปัฏฐาน จะเป็นอิทธิบาท จะเป็นอินทรีย์ หรือจะเป็นอะไรทั้งหมด ซึ่งเป็นโพธิปักขิยธรรมที่อบรมแล้ว เจริญแล้ว สภาพธรรมเกิดดับตามปกติในแสนโกฏิกัปป์ที่ผ่านมา และข้างหน้าก็จะเหมือนอย่างนี้
เพราะฉะนั้นไม่ใช่มีตัวตนซึ่งไปพยายามทำ แต่ว่าสภาพธรรมเป็นจริงอย่างไร อบรมเจริญปัญญาที่จะเข้าใจให้ถูกต้องในลักษณะของสภาพธรรมนั้นเพิ่มขึ้น ผู้นั้นจะรู้เลยว่า มีความเข้าใจพระธรรมเพิ่มขึ้น มีความเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมเพิ่มขึ้น แล้วต่อไปถ้าถึงความสมบูรณ์ของปัญญา ก็สามารถที่จะรู้ได้ว่า ปัญญาสามารถที่จะประจักษ์ความจริงของสภาพธรรม แล้วต่อไปยังสามารถที่จะรู้ได้ว่า เริ่มคลาย เริ่มสละความเป็นเราทีละเล็กทีละน้อย น้อยมากตามระดับขั้นของปัญญาที่เพิ่มขึ้น จนกว่าจะถึงกาลซึ่งสามารถที่จะสละความเป็นเราได้ทั้งหมด