มรณาสัณณวิถี
ผู้ฟัง คำว่า ฌานไม่เสื่อม และฌานจิตเกิดในขณะที่ใกล้จะตาย หมายความว่า ฌานจิตเกิดในมรณาสันนวิถีใช่ไหมครับ สมมติว่าอย่างวันนี้กระทำกุศล แล้วกุศลนั้นให้ผลปฏิสนธิในชาติต่อไป หมายความว่า มรณาสันนวิถีเป็นกุศลจิตที่ระลึกถึงกรรมที่กระทำแล้วอันนั้น ใช่ไหมครับ
ท่านอาจารย์ ท่านผู้ฟังจะได้ยินคำใหม่หรือศัพท์ใหม่สำหรับบางท่าน แต่บางท่านอาจจะชินหูแล้วสำหรับท่านที่ได้ศึกษาพระอภิธรรม คือคำว่า “มรณาสันนวิถี”
วิถีจิต หมายถึงจิตที่รู้อารมณ์ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ
ถ้าแบ่งจิตออกเป็น ๒ ประเภทใหญ่ คือ วิถีมุตตจิต คือจิตที่ไม่ใช่วิถี ไม่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ประเภทหนึ่ง และวิถีจิต คือ จิตที่รู้อารมณ์ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เป็นวิถีจิต
เพราะฉะนั้นวิถีมุตตจิต คือ ขณะที่เป็นปฏิสนธิจิต ๑ ขณะที่เป็นภวังคจิต ๑ ขณะที่เป็นจุติจิต ๑ เท่านั้นที่เป็นวิถีมุตตจิต
เพราะฉะนั้นนอกจากนี้แล้ว ขณะที่เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัสกาย คิดนึก ทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทวาร เป็นวิถีจิตทั้งนั้น
เพราะฉะนั้นมรณาสันนวิถี หมายความถึง วิถีจิตที่รู้อารมณ์ทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทวารก่อนจุติ ชื่อว่า “มรณาสันนวิถี” คือ วิถีจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตจะเกิด
ธรรมดาของชวนวิถีจิตจะเกิดซ้ำถึง ๗ ขณะ ขณะที่เห็น ขณะที่ได้ยิน ปกติชวนวิถีจิตจะเกิด ๗ ขณะ แล้วแต่ว่าจะเป็นกุศล หรือจะเป็นอกุศล แต่ว่าในขณะที่กำลังสลบ ชวนวิถีจะเกิดซ้ำกัน ๖ ขณะ เป็นสภาพของจิตซึ่งไม่ได้ประกอบด้วยสัมปชัญญะอย่างทั่วๆ ไปที่ใช้กันอยู่ ว่าไม่ใช่ขณะที่สมบูรณ์ด้วยสติสัมปชัญญะ และก่อนจุติจริงๆ ชวนวิถีจะเกิดเพียง ๕ ขณะ เพราะเหตุว่ามีกำลังอ่อนลง ใกล้ที่จะถึงการดับจากภพนี้ ชาตินี้ ความเป็นบุคคลนี้
เพราะฉะนั้นก่อนจุติจิตจะเกิดไม่มีใครสามารถจะรู้ได้เลยว่า ชวนวิถีสุดท้ายจะเป็นกุศลหรือจะเป็นอกุศล จะเป็นการรู้อารมณ์ทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจ เพราะเหตุว่าแม้ในขณะนี้เอง ทางจักขุทวารวิถีจิตที่เกิดขึ้นเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตาดับไปแล้ว มีภวังคจิตเกิดคั่น แล้วมโนทวารวิถีจิตก็เกิดต่อ หรือว่าทางหูที่กำลังได้ยินเสียงในขณะนี้ โสตทวารวิถีจิตเกิดขึ้นได้ยินเสียง ดับไปหมดแล้ว มีภวังคจิตเกิดคั่น แล้วมีมโนทวารวิถีจิตเกิดต่อ
เพราะฉะนั้นจุติจิตจะเกิดหลังการสิ้นสุดวิถีหนึ่งวิถีใดย่อมได้ คือ หลังจักขุทวารวิถีจิตดับไปหมดแล้ว จุติจิตเกิดก็ได้ หรือหลังจากที่จักขุทวารวิถีจิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏดับไปหมดแล้ว แล้วภวังคจิตยังไม่เกิด จุติจิตเกิดก็ได้ หรือจะเป็นในขณะที่กำลังได้ยินเสียงในขณะนี้ โสตทวารวิถีจิตเกิดขึ้นได้ยินเสียงทางโสตทวาร ดับไปหมดแล้ว ภวังคจิตเกิด แล้วจุติจิตเกิดก็ได้ หรือว่าเมื่อได้ยินเสียงแล้ว โสตทวารวิถีจิตเกิดดับไปหมดแล้ว ภวังคจิตยังไม่เกิด จุติจิตเกิดก็ได้ หรือว่าบางท่านในขณะนี้กำลังคิดนึกเรื่องหนึ่งเรื่องใด แล้วมโนทวารวิถีจิตดับหมดแล้ว จุติจิตเกิดก็ได้
นี่แสดงให้เห็นว่า จุติจิตซึ่งกระทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ จะเกิดในขณะไหนได้ทั้งสิ้น หลังจากวิถีจิตทางตา หรือทางหู หรือทางจมูก หรือทางลิ้น หรือทางกาย หรือทางใจก็ได้ หรือหลังจากภวังคจิตก็ได้
เพราะฉะนั้นชวนะสุดท้ายก่อนจุติจิตจะเกิดเป็นมรณาสันนวิถี ซึ่งเลือกไม่ได้ เหมือนในขณะนี้เอง ถ้าเป็นทางตาที่เห็น จักขุทวารวิถีดับหมด แล้วจุติจิตเกิด ขณะนั้นมีกรรมนิมิตอารมณ์ ถ้าขณะที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ แล้วมีท่านผู้หนึ่งจุติจิตเกิดขึ้น ทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้ คือ สิ้นชีวิตลง หลังจากที่จักขุทวารวิถีดับไปแล้ว ขณะนั้นมีสิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นกรรมนิมิตอารมณ์สำหรับปฏิสนธิจิตในชาติต่อไป ถ้าในขณะที่โสตทวารวิถีจิตเกิดขึ้น ได้ยินเสียงดับไปแล้วหมด ชวนะสุดท้ายที่กำลังได้ยินในขณะนี้ จะเป็นกุศลหรืออกุศลก็ตาม ในขณะนั้นมีเสียงเป็นกรรมนิมิตอารมณ์