การเปลี่ยนอิริยาบถแก้ทุกข์ได้ไหม


    ผู้ฟัง มีคำถามว่าการเปลี่ยนอิริยาบถนี้ แก้ทุกข์ได้จริงหรือ ผู้ถามศึกษามาจากสถานที่ต่างๆ เขาบอกว่าการเปลี่ยนอิริยาบทแก้ทุกข์ได้ ผมคิดว่าคงจะไม่เป็นอย่างงั้น เพราะว่าทุกข์ที่เขาพูดถึง คงจะเป็นทุกขเวทนาเสียมากกว่า ส่วนทุกขลักษณะเป็นไปไม่ได้ ความคิดนี้ถูกต้องหรือไม่

    ท่านอาจารย์ ก็คงจะถูก เพราะว่าเวลาที่จะแก้ทุกข์ โดยการเปลี่ยนอิริยาบถ ก็เพราะว่าขณะนั้นอาจจะนั่งแล้วก็เมื่อย ก็ต้องเปลี่ยนเป็นยืน ยืนเมื่อย ก็เปลี่ยนเป็นเดิน ก็ในความหมายนั้น

    ผู้ฟัง ถ้าเช่นนั้นแล้ว การที่อิริยาบถ ปิดบังทุกข์ ในทุกขลักษณะ เราจะอธิบายอย่างไร

    ท่านอาจารย์ อิริยาบทปิดบังทุกข์ เพราะเหตุว่า ขณะนี้ทุกคนเข้าใจว่ามีตัวหรือมีร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าแน่นอนยึดถือรูปร่างกายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าว่าเป็นเรา กำลังนั่งด้วย หรือว่าเวลายืน ก็เป็นเรายืน เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถที่จะรู้ลักษณะของสภาพธรรมทีละลักษณะ ที่ปรากฏได้เฉพาะแต่ละทวาร เช่นทางตาในขณะนี้ ทุกคนก็กำลังนั่ง แต่ว่ากำลังเห็น เพราะฉะนั้นถ้าจะรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏทางตา ในขณะนั้นจะมารู้ที่นั่งได้ไหม (ไม่ได้) เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังได้ยินเสียงทางหู จะมีท่าทางรูปนั่งตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าอยู่ไหม ขณะที่กำลังเข้าใจลักษณะของเสียง ซึ่งกำลังปรากฏ และก็มีสภาพที่ได้ยินเสียง ขณะนั้นจะไม่มีการจำรูปร่าง ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ว่าทรงอยู่ในอิริยาบถใด เพราะฉะนั้นรูปนั่ง หรือท่าทางต่างๆ ที่กำลังนั่ง ปิดบังทุกข์ คือไม่เห็นว่าเป็นสภาพธรรมที่ปรากฏได้แต่ละอย่าง เฉพาะแต่ละทาง เมื่อสติสัมปชัญญะเกิด ก็จะระลึกคือรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด แล้วก็ต้องทางทวารหนึ่งทวารใดด้วยเพราะเหตุว่าอยู่ดีๆ จะให้มีการรู้ลักษณะของสภาพธรรม โดยที่ว่าไม่อาศัยทวารหนึ่งทวารใดไม่ได้ เพราะฉะนั้นขณะนี้ทางตาที่กำลังเห็น เพราะอาศัยจักขุปสาทเป็นทวาร จิตเห็นจึงเกิดขึ้น เห็นสิ่งที่กำลังปรากฏ ถ้าขณะนั้นสติสัมปชัญญะกำลังเข้าใจ ค่อยๆ เข้าใจสภาพที่กำลังเห็นในขณะนี้ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง และสิ่งที่ปรากฏทางตาก็เป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ขณะนั้นเมื่ออบรมแล้วก็จะสามารถที่จะประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไป ซึ่งตั้งแต่เริ่มสติสัมปชัญญะเกิด ไม่มีท่าทางใดๆ เลย เพราะขณะนั้นไม่ได้รู้ตรงท่าทางไหนเลยทั้งสิ้น แต่กำลังรู้ลักษณะของสิ่งที่ปรากฏ แต่ละทางที่มีทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ทำให้มีสภาพธรรมปรากฎ ทางใจซึ่งเกิดสืบต่อก็มีสภาพธรรมที่ปรากฏ ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เป็นปกติในชีวิตประจำวัน

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้นอิริยาบทที่เรากล่าวนี้ ก็ไม่เป็นความจริง ไม่ใช่สภาพจริง

    ท่านอาจารย์ เป็นการประชุมรวมกันของรูป เมื่อรูปหลายๆ รูปประชุมรวมกัน ก็ยึดถือรูปที่ประชุมรวมกันว่าเป็นอย่างหนึ่งอย่างใด จะเป็นโต๊ะก็ต้องมีหลายรูปประชุมรวมกัน จะเป็นแว่นตาก็หลายรูปประชุมรวมกัน จะเป็นท่าทางยืน หรือนั่ง หรือนอน ก็ไม่ใช่รูปเดียว ถ้ารูปเดียวก็ไม่ปรากฏว่านั่งหรือนอน หรือยืน หรือเดิน แต่เมื่อหลายๆ รูปประชุมรวมกัน ก็ทรงจำไว้ว่าสิ่งนั้นกำลังอยู่ในลักษณะอาการอย่างไร แต่การรู้ต้องมีลักษณะของรูปที่ปรากฏทางทวารจริงๆ แต่ละรูป ไม่ปะปนกัน


    หมายเลข 2618
    22 ก.ย. 2567