ภิสชาดก ตอนที่ ๑


    ขอกล่าวถึงภิสชาดก ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสเล่าชาดกนี้ ณ พระวิหารเชตวัน อันเนื่องมาจากภิกษุรูปหนึ่งไม่สันโดษ พระผู้มีพระภาคตรัสเล่าภิสชาดก มีข้อความว่า

    ณ กาลครั้งหนึ่ง พราหมณ์เศรษฐีผู้หนึ่ง มีเงิน ๘๐ โกฏิ มีบุตรชาย ๗ คน บุตรสาวคนหนึ่ง บุตรชายคนโตชื่อ มหากาญจนะ คนรองชื่อ อุปกาญจนะ และบุตรสาวชื่อ กาญจนเทวี มหากาญจนะศึกษาศิลปวิทยาที่ตักศิลา ซึ่งเมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วก็กลับบ้าน มารดาบิดาของท่านอยากจะให้ท่านแต่งงาน แต่ท่านไม่ประสงค์ที่จะแต่งงาน ท่านใคร่ที่จะให้น้องชายของท่านแต่งงานแทน แต่น้องชายทั้ง ๖ ก็ไม่ประสงค์จะแต่งงานเช่นเดียวกัน และแม้น้องสาวของท่านก็ไม่ประสงค์จะแต่งงานเหมือนกัน เมื่อมารดาบิดาสิ้นชีวิตแล้ว มหากาญจนะก็ได้แจกจ่ายทรัพย์สมบัติทั้งหมดให้แก่ผู้ที่ยากไร้ขัดสน แล้วก็ได้พาน้องทั้ง ๗ ไปสู่ป่าหิมพานต์ ซึ่งก็มีสหาย ผู้หนึ่ง สาวใช้คนหนึ่ง และทาสคนหนึ่งติดตามไปด้วย

    ท่านสร้างบรรณศาลา คือ ศาลาที่มุงด้วยใบไม้ เป็นที่พักอาศัย และบริโภคผลไม้และรากไม้เป็นอาหาร ตอนแรกๆ ทุกคนต่างก็ไปเก็บผลไม้มาบริโภค แต่ภายหลังก็ตกลงกันให้มหากาญจนะ และน้องสาว และหญิงรับใช้อยู่ที่ศาลา ไม่ต้องออกไปหาผลไม้ ให้คนอื่นๆ ผลัดกันออกไปหาผลไม้ ซึ่งเมื่อได้มาแล้วก็แบ่งออกเป็นส่วนๆ ซึ่งทุกคนต่างก็ถือเอาส่วนแบ่งของตนกลับไปสู่บรรณศาลาของตนเพื่อบำเพ็ญสมณธรรม

    ด้วยเดชแห่งศีลของท่านเหล่านั้น เป็นเหตุให้ที่ประทับของท้าวสักกะหวั่นไหว ซึ่งท้าวสักกะก็ใคร่ที่จะทดลองศีลพรตของท่านเหล่านั้น ท้าวสักกะจึงได้บันดาลให้ส่วนแบ่งของมหากาญจนะหายไปถึง ๓ วัน เมื่อมหากาญจนะสอบถามน้องชายว่า เอาส่วนแบ่งของท่านไปหรือเปล่า น้องชายของท่านก็ตอบว่า ส่วนแบ่งของท่านนั้นแยกออกเก็บไว้ต่างหาก แล้วน้องทุกคนของท่านต่างก็กล่าวสัจจปฏิญาณว่า ถ้าแม้นตนลักขโมยแม้เพียงก้านบัวสักก้านหนึ่ง ก็ขอให้ถูกสาปแช่งต่างๆ

    ข้อความใน พระไตรปิฎก ภิสชาดก ข้อ ๑๙๒๑ – ข้อ ๑๙๔๑ ท่านผู้ฟังจะได้ฟังว่า คำซึ่งดาบสถือว่าเป็นคำสาปแช่ง กลับเป็นพรของคฤหัสถ์ทั้งหลาย นี่คือการแสดงถึงชีวิตและจุดประสงค์ที่ต่างกันของเพศบรรพชิตกับเพศฆราวาส ซึ่งน้องคนที่ ๑ ได้กล่าวสัจจปฏิญาณ เป็นคำสาปแช่งว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงได้ม้า วัว เงิน ทอง และภรรยาที่น่าชอบใจ จงพร้อมพรั่งด้วยบุตรและภรรยามากมายเถิด

    คฤหัสถ์ปรารถนาไหม อธิษฐานหรือเปล่า ตามที่เป็นคำสาปแช่งของฤๅษีว่า ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ท่านผู้นั้นจงได้ม้า วัว เงิน ทอง และภรรยาที่ น่าชอบใจ ใจจริงๆ ของใครรู้สึกอย่างนี้บ้าง อยากถูกสาปไหม นี่แสดงให้เห็นจิตที่ต่างกันเหลือเกินของบรรพชิตกับคฤหัสถ์

    น้องคนที่ ๒ กล่าวว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงได้ทัดทรงระเบียบดอกไม้ ลูบไล้กระแจะจันทน์แคว้นกาสี จงเป็นผู้มากไปด้วยบุตร จงกระทำความเพ่งเล็งอย่างแรงกล้าในกามทั้งหลายเถิด

    ให้สบายมีความสุขยิ่งกว่านั้นอีก คือ ให้ได้ทัดทรงระเบียบดอกไม้ ลูบไล้กระแจะจันทน์แคว้นกาสี จงเป็นผู้มากไปด้วยบุตร และจงกระทำความเพ่งเล็งอย่างแรงกล้าในกามทั้งหลายเถิด เห็นโทษของกามจริงๆ เห็นความน่ากลัวของการติดในข่ายของกามซึ่งยากที่จะสลัดให้หลุดออกได้ ไม่ว่าจะเป็นความพอใจในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในโผฏฐัพพะ เพราะฉะนั้น ถ้ามีมากๆ ก็ติดอย่างมากๆ และยิ่งได้มากเท่าไรก็ยิ่งไม่พอ

    ถ้าคฤหัสถ์จะขอพร อย่าขอพรอย่างนี้ เพราะนั่นเป็นคำสาปแช่งของฤๅษี

    น้องคนที่ ๓ กล่าวว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นคฤหัสถ์มีธัญชาติมากมาย สมบูรณ์ด้วยเครื่องกสิกรรม มียศ จงได้บุตรทั้งหลาย มั่งมีทรัพย์ ได้กามคุณทุกอย่าง จงอยู่ครองเรือนอย่างไม่เห็นความเสื่อมเลย

    น้องคนที่ ๔ กล่าวว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงปราบดาภิเษกเป็นกษัตริย์บรมราชาธิราช มีกำลัง มียศศักดิ์ จงครอบครองแผ่นดินมีมหาสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขตเถิด

    ใครอยากจะเป็นอย่างนี้บ้างไหม อย่าลืม ถ้านึกอยากขึ้นมาครั้งใด ให้เห็นโทษ ให้เห็นภัย ให้เห็นอันตราย ให้รู้ว่าเป็นคำสาปแช่งสำหรับดาบส

    น้องคนที่ ๕ กล่าวคำสาปแช่งว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นพราหมณ์มัวประกอบในทางทำนายฤกษ์ยาม อย่าได้คลายความยินดีในตำแหน่ง ท่านผู้เป็นเจ้าแคว้นผู้มียศ จงบูชาผู้นั้นไว้เถิด

    เห็นโทษ เห็นภัยของการที่จะเป็นพราหมณ์ที่ทำนายฤกษ์ยาม และยินดีในตำแหน่ง ซึ่งผู้ที่เป็นใหญ่ในแคว้นผู้มียศบูชา

    บางทีบางท่านอาจจะละโภคสมบัติของคฤหัสถ์ บวชเป็นบรรพชิต ใจนี้พรากออกได้จากการมีทรัพย์สมบัติอย่างฆราวาส แต่ที่ยังต้องการอยู่ คือ ลาภ หรือยศ หรือสักการะ หรือสรรเสริญ เพราะฉะนั้น โลภะซึ่งยังไม่พรากออกไปจากจิตใจ ย่อมทำให้สามารถสละสิ่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถที่จะสละอีกสิ่งหนึ่ง ดังนั้น บางท่านอาจจะต้องการสักการะมากกว่าสมบัติของคฤหัสถ์ และต้องการเป็นที่ยกย่องบูชาของ เจ้าแคว้นผู้มียศ

    น้องคนที่ ๖ กล่าวว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอชาวโลกทั้งมวลจงสำคัญผู้นั้นว่า เป็นผู้เชี่ยวชาญเวทมนต์ทั้งปวง ผู้เรืองตบะ ชาวชนบททั้งหลายทราบดีแล้ว จงบูชาผู้นั้นเถิด

    นี่ก็ไม่ใช่จุดมุ่งหมายของดาบสเหล่านั้น เพราะว่าท่านเป็นผู้ที่มุ่งเจริญ สมณธรรม และบุคคลที่อยู่ในที่นั้นด้วย ก็มีสหายผู้หนึ่งที่ติดตามท่านเหล่านั้นไป ทาสคนหนึ่ง ทาสีคนหนึ่ง น้องสาวของท่าน เทวดาผู้อารักษ์ป่า ช้างและลิงอยู่ในที่นั้นด้วย ซึ่งต่างก็ได้กล่าวคำสัจจปฏิญาณตามลำดับ

    สหายของท่านที่ได้ติดตามไปด้วย ได้กล่าวปฏิญาณว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงครอบครองบ้านส่วยอันพระราชาประทานให้ เป็นบ้านที่มั่งคั่งสมบูรณ์ด้วยเหตุ ๔ ประการ ดุจท้าววาสวะพระราชทานให้ อย่าได้คลายความยินดีจนกระทั่งถึงความตายเถิด

    ทาสของท่านกล่าวว่า

    ข้าแต่ท่านพราหมณ์ ผู้ใดลักเอาเหง้ามันของท่านไป ขอให้ผู้นั้นจงเป็นนายบ้าน บันเทิงอยู่ด้วยการฟ้อนรำขับร้องในท่ามกลางสหาย อย่าได้รับความพินาศอย่างใดอย่างหนึ่งจากพระราชาเลย


    หมายเลข 2658
    16 ต.ค. 2566