ทันทีที่ปุถุชนตื่นก็เป็นกิเลส
เวลาที่พระอรหันต์ตื่น ไม่มีกิเลสเลย แต่คนที่หลับแล้วตื่น ที่ยังมีกิเลสอย่างละเอียดที่ยังไม่ได้ดับ ทันทีที่ตื่นก็เป็นกิเลส เป็นความเศร้าหมอง เป็นสภาพของจิตที่ติดข้องในสิ่งที่มีอยู่ในขณะนั้นที่ปรากฏ
เพราะฉะนั้นจะกล่าวว่าไม่มีโลภะ กล่าวไม่ได้ แต่ว่าขณะใดที่กุศลจิตเกิด ขณะนั้นเจตสิกที่เป็นฝ่ายโสภณเกิดจึงเป็นกุศล
เพราะฉะนั้นจึงมีเจตสิกซึ่งตรงข้ามกัน โลภะเป็นอกุศลเจตสิก อโลภะเป็นโสภณเจตสิกโทสะเป็นอกุศลเจตสิก อโทสะเป็นโสภณเจตสิกโมหะเป็นอกุศลเจตสิก ปัญญาเป็นโสภณเจตสิก
เพราะฉะนั้นก็มีสภาพธรรมเกิดขึ้นทำกิจการงานตามเหตุตามปัจจัย ขณะใดที่เป็นอกุศลก็เพราะอกุศลเจตสิกเกิด ขณะใดที่เป็นจิตที่ดีก็เพราะโสภณเจตสิกเกิด ตามเหตุตามปัจจัย ต้องรู้ ทั้งหมดต้องรู้ และการรู้ไม่ใช่นึกเอา พระไตรปิฎกและอรรถกถาไม่ใช่สำหรับอ่าน แต่สำหรับเรียน สำหรับศึกษา สำหรับพิจารณาให้เข้าใจ ต้องเป็นการเข้าใจจริงๆเป็นการพิจารณาเข้าใจจริงๆ แล้วคนนั้นก็จะรู้ว่า ความเข้าใจของเขายังน้อยผิวเผิน หรือว่าเริ่มลึก เริ่มถูกต้องมากขึ้น อันนี้ก็เป็นแต่ละคน เพราะปัญญาเกิดขึ้นจึงรู้แต่ถ้าปัญญาไม่เกิดก็ไม่รู้ ก็เพียงเดาแล้วก็ถือเอา ขณะใดที่ถือเอา ขณะนั้นก็ไม่ใช่ปัญญา
เรื่องธรรมก็เป็นเรื่องใหญ่ เป็นเรื่องโลก เป็นเรื่องชีวิต เป็นเรื่องทุกขณะที่มี